จงกำจัดทัศนคติผิดๆที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์

กำจัดทัศนคติผิดๆที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ หากเราลองสังเกตุระบบความคิดต่างๆที่นำพาทุกข์มาให้เรา หรือสังเกตุจากตัวเราที่เป็นทุกข์หรือสังเกตุหรือจากผู้อื่นที่เป็นทุกข์ เราจะพบว่าหลายครั้งในเวลาที่เราเฝ้าระบายพร่ำเพ้อจิตใจที่ขุ่นเครียด เศร้าทุกข์ใจ ในเรื่องราวที่เราได้ระบายออกมา จากความอัดอั้นตันใจ  บางทีแท้จริงแล้วมันก็เหมือนสายน้ำ ที่เราจำเป็นที่จะต้องย้อนไปมองดูที่ต้นน้ำและตั้งใจจัดการที่สาเหตุ  ของความคิดมากอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมไว้มากมาย บางทีเราอาจไม่ทันรู้ว่า สิ่งพื้นฐานประการหนึ่งที่ นำมาซึ่งความคิดความรุ้สึกที่เจ็บปวดที่เราเป็นอยู่และคนควรจะต้องมองมันให้เห็น  นั่นก็คือ “ทัศนคติ” เคยเจอไหมคนที่มักชอบพูดว่า  “ถ้าฉันไม่มี สิ่งนั้น ฉันอยู่ไม่ได้” “ถ้าฉันไม่มีเธอฉันเดินต่อไปไม่ไหว”  ถ้าฉันมี หรือถ้าฉันไม่มี  สิ่งนั้น สิ่งนี้  ฉันจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ นี่คือตัวอย่างของทัศนคติที่ผิดๆ  การปลูกฝังทัศนคติแบบผิดๆให้ตัวเองนำพาไปสู่การฝึกนิสัยจิตใจและอารมณ์ที่ไม่ถูกต้อง และเป็นปัญหา ให้ตัวเองเป็นลำดับต่อมา เมื่อเชื่อยังงั้นคิดยังงั้น อยู่แบบนั้นนานวันเข้า ตัวเองก็กลายเป็นแบบนั้นไปจริงๆ หากว่าคุณคือหนึ่งคนที่มีทัศนคติทำนองนี้อยู่  ขอให้คุณลองตั้งสติคิดสักนิดว่า ความคิดแบบนั้นมันคือทัศนคติที่หลอกลวงต่อความเป็นจริง …

การเรียนรู้ยอมรับปล่อยวาง

การเรียนรู้ยอมรับปล่อยวาง   (บทความนี้ ค่อนข้างยาว คุณอย่าพึ่งอ่านจนจบ และรับสิ่งมากมายเหล่านี้ไว้ในสมอง    เราขอแนะนำให้คุณค่อยๆอ่านที่ละเรื่องแล้วนำไปปฏิบัติใช้ทีละเรื่องไป ค่อยๆเข้ามาอ่านเพิ่มเติมทีละนิด ทบทวนหลายๆรอบ จะเป็นความรู้ที่ช่วยคุณได้มาก)   คำสามสิ่งคือ เรียนรู้  ยอมรับ  ปล่อยวาง เชื่อได้ว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินคำเหล่านี้มามากมายหลายครั้งในชีวิต แต่หากเราเสริมความเข้าใจอันแท้จริงลงลึกไปถึงหลักของสามสิ่งนี้ นี่คือหลักที่สำคัญที่สามารถช่วยให้ คนเอาชนะความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้ และก่อนที่คุณจะเริ่มกระบวนการนี้  สิ่งสำคัญอย่างแรกที่คุณควรต้องมีนั่นก็คือ “การให้เวลา” คุณจงอย่าไปคาดคั้น ที่จะให้ตัวเองหายดีแบบชนิดที่ตื่นมาอีกวัน แล้วร้องดีใจว่า ฉันหายแล้วฉันไม่ทุกข์ใจแล้วฉันสุขใจแล้ว ซึ่งมักเป็นวิธีที่วู่วาม ที่หลายคนมักทำกัน และสุดท้ายก็กลับมาซึมเศร้าวนเวียนในยามแผลใจกำเริบ ดังนั้นการแก้ปมของจิตใจอย่างบรูณาการณ์ นั่นก็คือการเข้าใจว่า กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง และต้องตั้งใจอย่าละทิ้งกลางคัน เพราะสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่อง  …

ภาวะอารมณ์เปราะบางเรื้อรัง

ภาวะอารมณ์เปราะบางเรื้อรัง อาการอารมณ์แปรปรวนง่าย อารมณ์เปราะบาง และฟุ้งซ่านง่าย ขยายความคิด คิดเล็กคิดน้อยคิดเยอะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นคนแบบนี้  นั้นมีสาเหตุใหญ่ประการหนึ่ง ซึ่งอาจมีสาเหตุได้จากการ เคยผ่านการเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน และรักษาหายบางส่วนโดยที่บางส่วนยังไม่ได้รับการแก้ไข  อาจมีปมลึกแผลใจ รวมถึงไม่ได้ทำกระบวนการบำบัดอารมณ์ อย่างถูกต้อง จริงอยู่ว่าแม้ว่าคุณอาจจะใช้วันเวลาเยียวยาเรื่องเก่าๆในอดีต ให้ลืมเลือนไปหลายส่วน และเกียจคร้านที่จะทุกข์กับมัน หรือเก็บมันมาคิดอีก หรือคุณอาจได้ข้อคิดแนวทางชีวิตใหม่ๆที่ทำให้คุณสลัดเรื่องที่เคยคิดมากจนซึมเศร้าไปได้ แต่ทว่า ในบางส่วนอาจยังไม่ได้รับการจัดการแก้ไข ควรทราบว่า ระบบกลไกลของประสาทสมองของคนเรานั้นมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก  และปะปนไปด้วยรหัสความคิดด้วยรูปของความคิดที่ไม่ใช่ภาษา  แต่เป็นรหัสการประมวลผลต่างๆในสมอง ที่เกิดขึ้นเร็วเป็นโครงสร้าง  ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงและเรื้อรังยาวนาน มักจะทำลายโครงสร้างอันเป็นธรรมชาตินี้ไปอย่างไม่รู้ตัว  จนโครงสร้างผิดเพี้ยนไปจากเดิม บางคนเคยเป็นคนที่ร่าเริงเบิกบาน ไม่ถือสากับหลายๆเรื่อง เป็นคนที่แจ่มใสและมีความคิด มีความรู้สึกในด้านบวก แต่ต่อมาเมื่อชีวิตเจอกับเรื่องสะเทือนใจ  ก็กลับกลายเป็นคนฉุนเฉียวเก็บกด…

จงกล้ายอมรับความจริง ของสภาพนิสัยจิตใจตัวเอง

จงกล้ายอมรับความจริง ของสภาพนิสัยจิตใจตัวเอง ก่อนอื่น   อยากจะให้ คุณลองนึกถึงรถยนต์คันหนึ่ง ที่กำลังมีอาการเสีย มีสภาพทุลักทุเลและเสี่ยงต่อการขับไปต่อ  แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ย่อมต้องทำในการที่จะแก้ไข นั่นก็คือ    “คุณต้องเปิดฝากระโปรงรถขึ้นดู”      และเมื่อคุณมองเห็นว่ามีชิ้นส่วนใดๆของรถชำรุดคุณเห็นรอยร้าว คุณได้กลิ่นไหม้ คุณสัมผัสได้ถึงความชื้นที่รั่วซึม  คุณรู้สึกได้ถึงปัญหาที่ไม่ปรกติ และ ทุกอย่างมันจะมีโอกาสแก้ไขได้ แต่ทว่า  อะไรกันล่ะที่คุณจะต้องทำก่อนสิ่งอื่นใด? คำตอบก็คือ…………. ……. … “การยอมรับ” ยังไงล่ะ ที่คือคำตอบ คุณต้องยอมรับความเป็นจริงว่าชิ้นส่วนอะไรบ้าง ที่มันเสียหายสึกหรอหรือเสื่อมสภาพ เพราะหากว่าคุณไม่ยอมรับมัน รถของคุณก็ย่อมที่จะไม่เกิดการซ่อมแซม ดังนั้นคุณต้องกล้าที่จะเปิดกระโปรงรถ และกล้าที่จะมองหาให้เห็นชิ้นส่วนที่เสียหาย และต้องกล้ายอมรับมันด้วย ควรทราบว่า จิตใจมนุษย์ในสังคมโดยทั่วไป มักถูกหล่อหลอมให้มีจิตใจบางส่วนที่ ไม่ยอมรับความเป็นจริง…

การรู้ทันรหัสเริ่มแรกของความคิดที่จะชักนำสู่ความฟุ้งซ่าน

การรู้ทันรหัสเริ่มแรกของความคิดที่จะชักนำสู่ความฟุ้งซ่าน   เมื่อคุณได้ทำการรักษาจิตใจตัวเองได้ในระดับนึงแล้ว สิ่งที่เหลือที่คุณอาจยังจะต้องเผชิญต่อ นั่นก็คือภาวะฉุกคิด เผลอตัวและซึมเศร้าได้ในบางเวลา บางคนถูกเรื่องราวในอดีตคอยตามหลอกหลอน คอยตามทำร้ายจิตใจเป็นพักๆ  แม้ว่าจะทำใจลืมได้ช่วงระยะเวลานึงแต่ก็ มักมีลักษณะของจิตใจย่ำแย่วนเวียนแวะมาเป็นพักๆ การสกัด รู้เท่าทันภาวะเริ่มแรกของจิตใจที่กำลังจะปรับเข้าสู่ความเป็นทุกข์ใจในลักษณะนี้นั้น ถือเป็นวิธีที่ผู้ใช้ต้องมีความชำนาญในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ยากเกินไปนัก ขอเพียงต้องมีความตั้งใจฝึกฝนตนเอง   ก่อนอื่น    เราต้องทำความเข้าใจถึงลักษณะ ของการเข้าสู่ภาวะของจิตใจที่เป็นทุกข์ก่อน ลักษณะของคนทั่วไปนั้นก่อนที่จะเริ่มกระบวนการย้อนคิด  คิดถึงเรื่องกลุ้ม หรือคิดในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ มันจะมีการรวบรวมองค์ประกอบเล็กๆละเอียดๆ จากนั้นค่อยๆฟุ้งซ่านเพิ่มขึ้นก่อตัวมากขึ้น จนนำสู่ภาวะซึมเศร้า   อย่างเช่นการได้ไปเห็นบางสิ่ง ที่สะกิดใจให้ฉุกคิดถึงความหลัง หรือการได้เห็นบางอย่างที่ สะท้อนถึงตัวเอง   หรือการได้สัมผัสบรรยากาศบางอย่างที่นำสู่ความนึกถึง หรือแม้แต่บางครั้งสมองของคนเราก็นำความคิดมาให้ดื้อๆแบบไร้เหตุไร้ผลเลยก็มี   ดังนั้น ทุกครั้งที่คุณเผลอทำให้ความรู้สึกนึกคิดในความหลังความเก่า…

ทุกข์เพราะนิสัย มุมมองความคิด

ทุกข์เพราะนิสัย มุมมองความคิด   บทนี้เราจะมากล่าวถึงความทุกข์ใจ ในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้าอันมีสาเหตุของนิสัยเป็นสาเหตุใหญ่ เชื่อหรือไม่ว่ามีคนในโลกนี้มากมายหลายล้านคน ที่จมอยู่กับทุกข์ ในเรื่องบางเรื่องที่  มีบ่อเหตุแห่งความทุกข์มาจากนิสัยตน โดยไม่เคยฉุกใจคิดว่าบ่อเหตุสำคัญ ของความทุกข์มันมาจากอุปนิสัยของตนที่ถือว่ามีส่วนเป็นอย่างมาก ผู้คนโดยมากเวลาบังเกิดความทุกข์จากการสูญเสียหรือความไม่สมหวัง  มักจะอาลัยอาวรและคร่ำครวญหา ย้ำนึกย้ำคิดอยากจะต้องการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืน  หรืออยากจะให้สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจนั้นได้สมดั่งใจ อาการแบบนี้จะทำให้ซึมเศร้าเป็นเอาหนักเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน  จิตใจหมดเรี่ยวแรงและเอาแต่เหม่อลอย บ้างก็เฝ้าโทษสิ่งนั้นเฝ้าโทษสิ่งนี้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องสูญเสียหรือไม่สมหวัง แท้ที่จริงแล้ว อาการทุกข์ใจในบางเรื่องในบางกรณีนั้น  ถือเป็นกรณีที่ ต่อให้ค้นหาคำปลอบใจล้านคำ ค้นหาข้อคิดล้านข้อคิด ก็ไม่อาจช่วยได้เลย หากคนผู้นั้นยังมองไม่เห็นตัวเอง หรือยังดื้อดึงไม่ยอมเปลี่ยนนิสัย คนบางคนต้องทุกข์เพราะความเย่อหยิ่งทระนง คนบางคนต้องทุกข์เพราะต้องการอยู่ในจุดที่เด่นเหนือผู้คน คนบางคนต้องทุกข์เพราะเอาแต่ใจ ต้องได้ในสิ่งที่อยากได้ คนบางคนต้องทุกข์เพราะไม่ยอมรับความเป็นจริง และยึดติดนิสัยที่ยึดติดต่อวิถีชีวิตที่ชอบอยู่ในโลกลวงๆ โลกปรุงแต่งโลกสีสัน ที่ไม่จีรัง…

จงอย่ายอมเป็นคนประสาท

จงอย่ายอมเป็นคนประสาท หากคุณกำลังรู้สึกได้ถึง ภาวะอารมณ์จิตใจความคิดของตัวเองที่กำลังเริ่มผิดปรกติ มีคำถามดังต่อไปนี้ที่อยากให้คุณลองถามตัวเอง คุณอยากเป็นคนที่เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอาการทางประสาทหรือ? เรื่องที่คุณเสียใจอยู่มันคุ้มหรือไม่กับการที่คุณทำลายตัวเอง? คุณไม่อยากกลับเป็นคนปรกติที่มี ประสิทธิภาพดูแล พ่อคุณแม่คุณลูกคุณ พี่น้องคุณ สัตว์เลี้ยงของคุณหรือทุกสิ่งที่คุณรักหรือ? คุณมีความฝันความหวังที่เคยอยากจะทำหรือไม่? จงอย่ายอมแพ้ให้กับ อาการทางจิตใจเหล่านี้! เราขอให้คุณลุกขึ้นสู้  คุณจำเป็นเหลือเกินที่จะต้อง ตระหนักต่อความจริงว่า ภาวะอาการเหล่านี้หากเรื้อรังไป มันก็ยังขยายตัวสู่เรื่องของสุขภาพ ระบบประสาทสมอง ที่ส่อแนวโน้มจะบกพร่อง และความคิดความอ่านเริ่มไม่สมประกอบและผิดเพี้ยนได้  รวมถึงอารมณ์ที่ผิด ปรกติ ซึ่งทั้งหมดมันจะนำทางสู่การเป็นบ้า เป็นประสาท หรือเป็นคนที่แอบเก็บกดมีนิสัยผิดเพี้ยนไปโดยไม่รู้ตัวได้ในภายหน้า การทำร้ายระบบประสาทสมองด้วยความ เคี่ยวกรำ ติดต่อกันย้ำๆ มันคือกระบวนการที่ละเอียดชนิดที่คุณอาจคาดไม่ถึง ซึ่งหลายต่อหลายคนมักคิดว่าตัวฉันไม่เป็นอะไรหรอก หรือคิดว่าสักวันเมื่อฉันหายเศร้าแล้วฉันจะกลับมากลายเป็นคนปรกติได้เอง ความคิดแบบนี้ ขอบอกเลยว่าไม่จริงเสมอไป…

เริ่มต้นรักษาตัวโดยไม่รอให้ใครมาเข้าใจ

เริ่มต้นรักษาตัวโดยไม่รอให้ใครมาเข้าใจ   ก่อนที่เราจะเริ่มกระบวนการในการจัดการ บำบัดรักษาตนเองนั้น สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรามีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เข้าใจสภาพของตัวเองเสียก่อน  เมื่อเข้าใจสภาพของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้วก็จะ สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม คนที่อยู่ในอาการซึมเศร้า นั้นจะตกอยู่ในสภาวะใดบ้าง? ก่อนอื่นควรทราบว่า แผลในใจมันคือแผลที่มองไม่เห็นได้จากบุคคลภายนอก มันเป็นเรื่องยากที่ คนทั่วไปจะมาสนใจใส่ใจเข้าใจปัญหาในตัวคุณได้ลึกซึ้ง โดยเฉพาะผู้อื่นที่ไม่มีประสบการณ์เข้าใจรสชาติ แง่มุมที่คุณประสบเผชิญอยู่นั้น ยิ่งยากที่จะเข้าใจ หากคุณลดตั้งความหวังที่จะให้ใครมาเข้าใจได้ และตระหนักให้ดีว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเป็นหลัก เลิกรอใครมารักษาใจคุณแต่จงตั้งใจ เริ่มรักษาใจตัวเองนับตั้งแต่วันนี้คุณก็จะเริ่มเข้าสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพ หรือบางคนอาจจะโชคดีที่ยังมีคนอื่นๆที่เป็นห่วงเป็นใยคุณนั้น บางคนโชคดียังมีพ่อแม่พี่น้องเพื่อน ที่ดีที่คอยเป็นห่วงดูแล และให้กำลังใจ แต่ต้องตระหนักถึงความเป็นจริงด้วยว่า ความเป็นห่วงและการให้กำลังใจนั้น ถือเป็นยาบรรเทาเท่านั้น ซึ่งยังอาจแก้ปัญหาของอาการซึมเศร้าไม่ได้ทั้งหมดเพราะพวกเขาอาจยังยากมองเห็นแผลในใจคุณ สิ่งที่พวกเขาทำได้คือให้กำลังใจและความห่วงใยเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นสิ่งมีค่ามากๆที่คุณควรให้ความสำคัญและรับความห่วงใยนั้นกำลังใจนั้น ไว้ในจิตใจ อย่างแลเห็นในน้ำใจของพวกเขา เก็บไว้เป็นกำลังเสริมใจของคุณ และนอกจากนี้ก็อาจจะมี…

Page 2 of 2

  • 1
  • 2