Tagged: บำบัดอาการซึมเศร้า, ฝึกควบคุมสติ, ฝึกจิต, ฝึกสมาธิ
การฝึกเจริญสติ
อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว อนาคตคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อดีตคือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้
แต่บรรเทาสิ่งที่ดีด้วยสิ่งในปัจจุบันได้ อนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ทำให้ดีขึ้นได้หาก เราให้ความตั้งใจในปัจจุบัน
หากคุณต้องการที่จะทำชีวิตของคุณให้ดีที่สุด นั่นก็คือคุณจะต้องให้สมาธิมาอยู่ที่ปัจจุบัน การเห็นสิ่งต่างๆในปัจจุบันได้มากที่สุด นั่นก็คือการเปิดวิสัยทรรศ การมองเห็นองค์ประกอบต่างๆได้มากที่สุดอย่างมีสมาธิที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น อีกทั้งการเจริญสติจะทำให้จิตของคุณเข้าสู่ภาวะรับรู้ สภาวะของโลกแห่งความเป็นจริงได้มากขึ้น ควบคุมจิตใจได้ดีขึ้น ปล่อยวางหรือผ่อนปรนความทุกข์ได้
การฝึกฝนเจริญสตินั้นสามารถฝึกฝนได้ในทุกเวลาและทุกอริยาบถ ซึ่งให้ประสิทธิภาพมากน้อยต่างกันไป
เวลาที่คุณประกอบกิจวัตรประจำวัน ให้ตั้งจิตฝึกฝน เริ่มจากการสังเกตุ ถึงสิ่งต่างๆในปัจจุบัน ไม่ว่ารูปรสกลิ่นเสียง สิ่งที่ได้ยิน และสิ่งที่มองเห็น
การฝึกในขั้นแรกเริ่มคืออาศัยการเตือนสติตัวเองด้วยการกล่าวถ้อยคำในจิตใจ เช่น
คุณได้ยินเสียงนก คุณก็บอกตัวเองว่าเสียงนก คุณเห็นอะไรได้ยินอะไรบอกตัวเองไปเรื่อยๆ คุณกำลังยืนตรงหรือคุณกำลังงอเข่า คุณกำลังหยิบจับอะไร คุณทำอะไร จงบอกให้ละเอียด เช่นว่าคุณกำลังแปรงฟันก็จงระลึกสติ ให้ชัดเจนว่าคุณกำลังแปรงฟัน
เหล่านี้คือการฝึกในขั้นเริ่มต้น จงอย่ามองว่าเป็นสิ่งที่ยุ่งยาก เพราะเมื่อคุณฝึกจน จิตใจของคุณมีพลังสติมากพอแล้ว จิตของคุณจะรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสที่เป็นสติมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องกล่าวเตือนสติเลย
แต่อย่างไรก็ตามการกล่าวเตือนสติระลึกในจิตใจคือหนทางฝึกที่คมชัดที่สุด จิตของผู้ฝึกจะเข้าสู่สมาธิ เวลาทำงานทำการอะไรก็ทำได้ดีเพราะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ จิตใจไม่ฟุ้งซ่านกับเรื่องอนาคต และจิตใจไม่นำพาเรื่องอดีต
การฝึกเจริญสตินั้นคือสิ่งที่มีคุณอนันต์ และเมื่อนำมาควบคู่กับการฝึกเภาวนา ทบทวนในสิ่งที่มีค่า ก็จะยิ่งส่งผลให้ชีวิตเดินสุ่หนทางที่มีค่ามากขึ้น การฝึกเภาวนาทบทวนก็คือ การท่องเภาวนาถึงการตระหนัก ในข้อมูลสำคัญ การท่องทบทวนถึงความรู้สำคัญใดๆก็ตาม ที่เป็นสิ่งประเสริฐต่อชีวิต ที่คุณจะเลือกสรรหามาท่องเภาวนาในจิตใจ
เพราะเมื่อคุณท่องเภาวนาในจิตใจควบคู่กับสภาวะสติและสมาธิแล้ว จะเกิดการหล่อหลอมซึมซับ ความสามารถทางปัญญา และทางการรับรู้ความรู้สึก รวมไปถึงความฉลาดทางจิตวิญญาณได้อย่างชัดเจน