อุปกรณ์พื้นฐานที่ช่วยในการรักษาอาการซึมเศร้า

อุปกรณ์พื้นฐานที่ช่วยในการรักษาอาการซึมเศร้า ในวันเวลาที่ร่างกายต้องอ่อนแอและคร่ำเครียด  ซึมเศร้า ภาวะเช่นนี้นั้นจะส่งผลให้ สมรรถภาพของระบบความคิด และสมองเหนื่อยล้า อีกทั้งเงื่อนปมที่ซับซ้อนในโครงสร้างจิตใจ ยิ่งจะทำให้เกิดความสับสนได้โดยง่าย ไหนจะยังมีเรื่องของภาวะอารมณ์ที่แปรปรวนเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ดังนั้นการนำอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ ที่สามารถช่วยแบ่งเบา เราได้รวมถึงยังช่วยให้ผลการรักษามีทิศทางที่ดีขึ้นและง่ายขึ้น นั้นเป็นสิ่งที่ควรมีควรทำ  ซึ่งอุปกรณ์สิ่งของที่เราจะขอแนะนำนั้นมีดังนี้   1. สมุดจดและปากกา การพกสมุดและจดสิ่งต่างๆลงไปในกระดาษ นั้นยังคงเป็นวิธีที่สะดวกและคล่องตัวที่สุดไม่ว่าโลกนี้จะพัฒนาให้มีอุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูลได้ลำสมัยแค่ไหนก็ตาม เพราะการใช้ปากกาจดลงไปในสมุดนั้นสะดวกรวดเร็วกว่า คล่องตัวกว่าและจดได้หลากหลายรูปแบบ การใช้สมุดคอยบันทึกควบคู่ไปกับผู้ป่วยอาการซึมเศร้านั้นเป็นสิ่งที่ควรมีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคุณสามารถ ที่จะจดระบายความในใจถึงสิ่งต่างๆ จงระบายออกไปแสดงสิ่งภายในที่รู้สึกเก็บลึกข้างในออกมา ให้ตัวเองได้เห็นว่า ตัวเองนั้นคอยเก็บงำความรู้สึกนึกคิดอย่างไรบ้าง  การระบายลงไปในสมุดจะทำให้เราเห็นโครงสร้างของอาการเรา ได้ชัดเจนมากขึ้น เราจะสามารถตรวจสอบสังเกตุในแต่ละจุดที่ต้องแก้ไขได้ชัดเจนขึ้น รวมถึงการใช้เวลาค้นหา ปมเงื่อนของจิตใจตนเองในแต่ละวันที่เริ่มเข้าใจตัวเองในข้อไหนบ้างก็ให้จดลงไป จะช่วยให้คุณเริ่มตรวจสอบปัญหาในใจได้ว่ามีตรงไหนบ้าง จากนั้นก็ทำเป็นแบบแผนได้ง่ายขึ้น  ด้วยการรู้ว่าจะต้องหาคำตอบ…

เลือกแพทย์ผิด ยิ่งแย่หนักไปกว่าเก่า

เลือกแพทย์ผิด ยิ่งแย่หนักไปกว่าเก่า ในโลกยุคปัจจุบันที่ทุนนิยมได้แพร่กระจายไปทั่วทุกวงการ เป็นที่ทราบกันดีว่าทุกสาขาวงการอาชีพ ย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป  มีทั้งคนที่ด้อยความสามารถและคนที่เชี่ยวชาญ และย่อมมีทั้งคนมักง่าย ชุ่ย และคนพิถีพิถัน รับผิดชอบ ย่อมมีทั้งคนที่มีจิตสำนึกมีจรรยาบรรณ และคนที่ไร้จิตสำนึกและจรรยาบรรณ แตกตางกันไปปะปนกันไป ซึ่งวงการแพทย์เองนั้นก็เป็นเช่นนี้อยู่ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในยุคสมัยที่โรงพยาบาลต่างๆ พากันแข่งขันในเชิงพาณิชย์ และอาชีพหมอก็กลับกลายเป็นอาชีพที่ มีช่องทางในการสร้างความรวยได้ มีการทำงาน ที่รับงานมากขึ้นและลดคุณภาพในการ จดจ่อกับผู้ป่วยแต่ละรายลงได้ ซึ่งแน่นอน ว่า แพทย์ที่มีจรรยาบรรณ และเป็นแพทย์ที่ดีนั้นก็มีจำนวนอยู่มากมาย แต่หากว่าคุณต้องพบกับแพทย์ ที่ไม่ดีแล้วล่ะก็ นั่นจะเป็นอะไรที่สร้างสถานการณ์ชีวิตของคุณให้เลวร้ายยิ่งขึ้น ในวงการจิตแพทย์นั้น การรักษาผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ และเหมาะสมต่อสถานการณ์คื่อสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ตัวยา ในการจ่ายยารักษาให้คนไข้นั้น  ตัวยาบางชนิดมีลักษณะกล่อมประสาท…

เข้าใจสภาวะภายในที่เกิดขึ้นของผู้ป่วย

เข้าใจสภาวะภายในที่เกิดขึ้นของผู้ป่วย การทำความ เข้าใจสภาวะของผู้ป่วย หรือผู้ที่มีอาการซึมเศร้าทางจิตใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ความรู้สึกและอาการต่างๆภายในจิตใจนั้นมันเป็น เรื่องที่บุคคลภายนอกยากมองเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ตัวหนังสือหรือคำพูดไม่สามารถบรรยายให้เข้าใจได้ในหลายส่วน บางเรื่องต้องเคยมีประสบการณ์จึงจะเข้าใจ บางเรื่องแม้เคยมีประสบการณ์แต่ก็สูญเสื่อมความรับรู้ที่คมชัดไปแล้ว และด้วยเหตุที่ขาดความเข้าใจถึงภาวะเหล่านี้ นั้นอาจทำให้เราละเลยคนรอบข้างของเรา หรือแม้แต่เลวร้ายถึงขั้น ที่บางคนถูกคนรอบข้างทำร้ายจิตใจ  ให้สะเทือนไม่สิ้นไม่สุด  หรือถูกปั่นหัวอย่างคึกคะนอง หรือถูกความชินชาหรือแม้แต่รำคาญ เข้าทำร้ายจิตใจ จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติได้ อันเนื่องมาจากผู้กระทำ ขาดความเข้าใจถึงสภาพภายในอันแท้จริงว่ามันเป็นอย่างไร หากคุณเป็นบุคคลภายนอกที่มีความประสงค์ดีและอยากทุ่มเทเสียสละเวลา  มาช่วยให้คนๆหนึ่งหลุดพ้นฟื้นขึ้นมาได้จากโรคซึมเศร้า คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงภาวะที่เกิดขึ้นกับคนที่ตกออยู่ในภาวะเครียดซึมเศร้า สิ่งที่คุณควรจำเป็นต้องเรียนรู้พื้นฐานนั้นมีดังนี้ 1.คนที่ตกอยู่ในภาวะ คร่ำเคร่งสมองและจิตใจตนเองเรื้อรังสะสมมาหลายวัน คนเหล่านี้จะมีสภาพประสาทสมองที่ล้าและตีบแคบ บางทีไม่สามารถเข้าใจเรื่องง่ายๆได้ และบางทีอาจทำตัวแบบคนโง่งม จนอาจเป็นที่หมั่นไส้ของคนพบเห็น ซึ่งขอให้จำไว้ให้ดีว่า  เราจะเอาสภาพปรกติที่สมองสมบรูณ์แจ่มใสของตัวเรา ไปตัดสินเขาไม่ได้  เราต้องเข้าใจสภาพทางเคมี ในตัวของผู้ป่วยทางจิตใจ  …

อย่าพยายามฝืนให้เขาแกร่ง ในสภาวะที่ไม่เหมาะแก่เวลา

อย่าพยายามฝืนให้เขาแกร่ง ในสภาวะที่ไม่เหมาะแก่เวลา การกระตุ้นให้แข็งแกร่ง ด้วยการเอ่ยถ้อยคำที่ไม่แสดงความสงสารหรือเห็นใจ หรือแม้แต่บางรายใช้การกล่าวหยันเหยียด หรือหัวเราะหมั่นไส้ หรือแสดงความสมเพชอย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยหวังลึกๆว่าจะช่วยกระตุ้นให้ คนที่กำลังซึมเศร้าแข็งแกร่งขึ้นได้นั้น ถือเป็นหลักวิธีที่หลายๆคนนิยมนำมาใช้กันอยู่ แต่วิธีเหล่านี้ไม่สามารถใช้ได้ในทุกกรณีโดยเฉพาะกับผู้ป่วยซึมเศร้าในลักษณะที่ก่อเกิดถึงขั้นโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะกับบุคคลทั่วไปที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ ต่อเรื่องของกลไกลภาวะจิตใจมนุษย์ ยิ่งเป็นปัจจัยสุ่มเสี่ยงที่จะซ้ำเติม ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ลง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าโลกนี้โหดร้ายขึ้น อยู่ยากขึ้น และไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นใจเขา ดังนั้นผู้ที่จะทำการดูแลช่วยส่งเสริมการรักษาตัวของผู้ป่วย ควรทราบถึงข้อสำคัญดังต่อไปนี้ 1.อย่าเอาตนเองเป็นที่ตั้ง  เช่นพูดข่มผู้อื่นว่าตนเองเคยเจอเรื่องร้ายๆมาแล้ว ตัวเองเคยเจอเคยผ่านสิ่งนั้นสิ่งนี้      ควรทราบว่า ระดับขีดจำกัดของคนนั้นมีไม่เท่ากันแตกต่างกัน อีกทั้งเรื่องราวที่เจอย่อมมีรายละเอียดของเนื้อหาและบริบทที่ต่างกัน   เจอในภาวะที่ต่างกัน ย่อมมีข้อแตกต่างไม่มากก็น้อย และที่สำคัญในยามที่ตนเองเผชิญนั้นก็ต้องอาจผ่านในจุดที่อ่อนแอเช่นกัน และไม่จำเป็นต้องเอาสภาพที่โหดร้าย ให้ผู้อื่นเผชิญเฉกเดียวกับตนเองเสมอไปหากสามารถทำให้ดีกว่าได้นั้นคือสิ่งที่ควรทำ 2.คนในภาวะอ่อนแอหรือมีการกระทบกระเทือนจิตใจ ควรทราบว่านั่นเป็นภาวะที่ร่างกายเกิดความผิดปรกติทางโครงสร้างระบบประสาทและสารเคมี ความรู้สึกทุกข์สุขในระบบประสาทมีการทำงานแปรปรวนและอารมณ์ที่สับสน สติและปัญญาที่ตีบแคบลง…

ต้องอดทนต่อข้อเสียของผู้ป่วย ร่วมฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปให้ได้

ต้องอดทนต่อข้อเสียของผู้ป่วย ร่วมฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปให้ได้   ไม่ทราบว่าคุณผู้อ่าน จะพอเคยดูหนังหรือระครใดๆบ้างไหม ที่มีเรื่องราวทำนองเกี่ยวกับ คนที่รักหรือคนในครอบครัวต้องถูกปีศาจร้ายเข้าสิง ติดเชื้อหรือถูกสิงหรือถูกสลับร่างหรือสูญเสียร่าง หรือสูญเสียสติ กลายเป็นคนละคน มักช่างเป็นบทเนื้อหาที่สร้างความหดหู่ยิ่งนัก   ซึ่งในโลกความเป็นจริงนั้น มนุษย์เรามีโอกาสที่จะอยู่ในภาวะสูญเสียความทรงจำได้ สูญเสียสติได้ หรือเลอะเลือน  หรือนิสัยเปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจาก สภาพวัย สังขาร  ทั้งจากอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บ และทั้งจากสภาพแวดล้อมและเหตุการณืในชีวิต รวมถึงความช๊อค หรือความกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง หากคนที่คุณรักต้องได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง จนมีพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไม่ปรกติเหมือนเก่า มีอารมณ์มีนิสัย มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือสิ่งที่ช่างแสนโชคร้ายและน่าสงสารเอามากๆ หากต้องเกิดขึ้นกับชีวิตคนๆหนึ่งหรือแม้แต่ตัวเราหากต้องไปอยู่ในสภาพนั้นใครล่ะที่จะอดทนช่วยเราให้กลับคืนมาได้ อย่างไม่ทอดทิ้งกัน ? ส่วนมากแล้ว…

ควรปล่อยให้ผู้ป่วยได้อยู่คนเดียวบ้าง

ควรปล่อยให้ผู้ป่วยได้อยู่คนเดียวบ้าง แน่นอนว่าการคอยอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยซึมเศร้า  และไม่ควรปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพังนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่าบางจังหวะของเวลา คุณก็ควรที่จะให้เขาได้อยู่กับตัวเองบ้างเพื่อมีสมาธิที่จะเข้าใจตัวของเขาเอง สิ่งที่ผู้ดูแลหรือญาติพี่น้องข้างเคียงควรทำนั่นก็คือ การคอยให้คำชี้แนะเตือนสติและให้ความรู้ให้ปัญญากับเขาเป็นระยะๆ แต่ต้องเปิดเวลาให้เขาได้ใช้ปัญญาเหล่านั้นด้วยตนเอง เฝ้าดูเขาในลักษณะที่ไม่ให้ถึงกับเป็นการลำพังแต่ก็มิใช่เป็นการรบกวนเขาจนเกินไป เฝ้าดูเขาห่างๆแต่อยู่ในระยะที่มองเห็นสามารถเข้าป้องปรามเหตุร้ายต่างๆได้ทันท่วงที อาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า นั้นแตกต่างจากการซึมเศร้าธรรมดาทั่วไป การซึมเศร้าธรรมดาทั่วไป อาจใช้วิธีที่คนรอบข้างเข้ามารุมมาช่วยกันทำให้ผู้ซึมเศร้า ลืมความทุกข์เศร้าไปได้ ด้วยการพยายามช่วยกันทำให้เขาสนุกสนาน สร้างความครึกครื้นให้เขา นำความบันเทิงต่างๆมาให้เขาหรือชวนเขาไปเที่ยว เหล่านี้เป็นต้น แต่ทว่าสำหรับคนที่เป็นถึงขั้นโรคซึมเศร้า นั้นจะมีรูปแบบของโครงสร้างที่ซับซ้อนและฝังลึกในปมของจิตใจ แม้ว่าผู้ป่วยจะถูกภาวะของความครึกครื้นรุมล้อม แต่จิตของเขาจะยังคงคิดอย่างไม่หยุดยั้ง และยิ่งถูกรบกวนยิ่งสับสน ยิ่งสับสนยิ่งเครียดและสมองยิ่งล้า เขาจะใช้งานประสาทสมองหนักมาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นจะมีระดับขั้นต่างๆ หากอยู่ในระดับที่ซักซ้อมความคิดเรื่องทุกข์เศร้า วนเวียนย้ำคิด แบบนี้ไม่ควรปล่อยให้อยู่ลำพัง แต่สิ่งที่ต้องทำคือต้องรีบชี้แนะเขา บำบัดรักษาเขาด้วยกระบวนวิธีที่ถูกต้อง จากผู้รู้ผู้ที่มีความเข้าใจ จงระลึกไว้เสมอว่า อาการทางจิตคือสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าภายนอกไม่เห็น…