ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง

ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง หลักคิดนี้ สะท้อนถึง ในยามที่ตัวเรานั้นทุกข์ เราลองพิจารณาดูว่าแท้จริงเราทุกข์กับเรื่องอะไร ความสูญเสียหรือความไม่สมหวังต่ออะไร สิ่งเหล่านั้นมีค่าแท้จริงให้คนเรามัวเมาทุกข์ต่อสิ่งนั้น ดีหรือ? มนุษย์เรายามมีเรี่ยวแรงแจ่มใส มักอยู่กับความฝันความหวัง ดิ้นรนแข่งขัน ไขว่คว้า เงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง และสารพัดเรื่อง เสน่ห์หาอัตตาปรุงแต่งมากหลาย บรรเลงห้อมล้อมห้วงคำนึง ครอบคลุมทุกโสตประสาท ความอยากความต้องการ นั้นวิ่งไปดั่งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หยุดไม่อยู่วนเวียนไม่ยั้ง ดั่งระอุตลอดเวลาด้วย เสียงเพลงชักจูง ให้เพลิดเพลินไร้พื้นที่จิตคลุกคลีอื่นใด นานวันครอบงำสิ้นสายตาไม่เห็นดวงจิตไม่เห็นสัมผัสไม่เห็น ความเป็นจริงที่ถ่องแท้ ตราบจนวันประสบเหตุ ล้มป่วย ตะลึงรู้ ระครอุปโลกษณ์ปิดฉากมีอยู่จริง มนต์เพลงดับเงียบเสื่อมคลาย เมื่อนั้นฉากแท้จริง แห่งโลกความเป็นจริงค่อยเปิดออกให้เห็น…

จะสุขจะทุกข์นั้นขึ้นกับความมีใจอยู่ร่วม

จะสุขจะทุกข์นั้นขึ้นกับความมีใจอยู่ร่วม โลกเรานั้นสรรพสิ่งล้วนมีความแตกต่าง  มีนก  มีปลา มีต้นไม้  มีมนุษย์ และมีอีกสารพัดมากมาย มนุษย์คงไม่เศร้าเพราะไม่มีปีกบินได้อย่างนก นกคงไม่เศร้า เก็บกดเป็นปมด้อยเพราะไม่สามารถอยู่ในน้ำได้อย่างปลา ปลาคงไม่เศร้าเพราะไม่มีแขนขาแบบมนุษย์ จะเห็นว่าแต่ละสิ่งล้วนมีวิถีแห่งตน และมีจิตที่ร่วมใจกับชีวิตของตนเอง แต่ทว่าบางทีแล้วสังคมของมนุษย์ นั้นมีการเสี้ยมสอนความเศร้า มีการเปรียบเทียบกับสิ่งที่แตกต่าง กว่าตน เช่น การสังเวชเวทนา คนตาบอดหรือหูหนวก หรือแขนขาพิการ แต่กำเหนิด  แต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มิได้ตกอยู่ในสภาพใช้ชีวิตไม่ได้ และมนุษย์ที่มีจิตเมตตา ล้วนช่วยเหลือคนพิการเพื่อให้ได้รับความสะดวกในชีวิตมากขึ้น   แต่นั่นมิใช่หมายความว่าจะไปตีตราว่าสิ่งที่ผู้พิการเป็นนั้นมันคือสภาพที่น่าสมเพชแต่อย่างใดไม่ บางครั้งเราใช้ความรู้สึกส่วนตัวของเราชี้วัดแทนเขา เราใช้ความเคยชินร่วมใจกับชีวิตของเราไปคิดแทนชีวิตของเขา หากวันใดวันหนึ่ง มีมนุษย์ที่สามารถ เหาะเหินเดินอากาศ มีสายตายาวไกลมองข้ามภูเขาได้ยินเสียงไกลๆได้  มีแขนขาที่ยืดหดได้ มนุษย์ธรรมดาจะถือเป็นสิ่งน่าสมเพชหรือไม่?…

ไขว่คว้ายากมิใช่แปลว่ามีค่ามากเสมอไป

ไขว่คว้ายากมิใช่แปลว่ามีค่ามากเสมอไป ประโยคนี้เป็นข้อคิดที่เหมาะจะเตือนสติ สำหรับผู้ที่ผิดหวังซึมเศร้า รุนแรงกับการผิดหวังในสิ่งที่หวังใฝ่ หรือสญเสียในสิ่งที่ตนมองว่าหายาก ครอบครองยาก ซึ่งจริงๆแล้วโลกเรานี้ สิ่งใดๆก็ตามที่ไขว่คว้ายาก เสาะหายาก ครอบครองยาก หรือห่างไกล หรือไม่เหมาะสมกับเรา นั้น มิได้จะแปลว่ามีค่าเสมอไป อาจจะยากสำหรับเรา แต่อาจไม่ยากสำหรับผู้อื่น อาจจะยากสำหรับผู้อื่นและเรา แต่ก็ไม่ยากสำหรับสรรพสิ่งอื่น อีกทั้งโลกเรายังมีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ หาสาระคุณค่ามิได้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งหายากก็ตาม    

จงมองอดีตด้วยจิตใจของวันนี้ที่เติบโต

หมายความถึง ในวันที่คุณรักษาจิตใจจนหายดีแล้ว  และในวันใดที่เผลอใจ มองเรื่องราวที่ปวดร้าวในอดีต จงมองด้วยมุมมองของปัจจุบัน มองอย่างคนที่เติบโตแล้ว และจงมองอย่างแข็งแกร่ง อย่าเอาใจไปอ่อนไหวตามสภาวะการในอดีต ซึ่งโดยปรกติแล้วคนทั่วไปหลายๆคน เวลาที่นึกถึงเรื่องอดีต ก็มักจะเผลอใจมองสิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกร่วมเดียวกับตัวตนในวันวาน แต่สำหรับอดีตที่ปวดร้าว ที่เจ็บช้ำ คุณต้องเตือนสติตัวเองว่าในวันนี้คุณไม่ใช่คนเดิมแล้ว คุณมีการพัฒนาจิตใจนิสัย เรียนรู้โลกมากขึ้น  จิตใจของคุณเติบใหญ่แล้ว คุณมองตัวตนของตัวเองในอดีตที่เคยอ่อนแอเปราะบางฟูมฟาย ประดุจดั่งนั่นไม่ใช่ตัวคุณอีกต่อไปแล้ว มองอย่างเข้าใจตัวเองในอดีต แต่ไม่ใช่มองอย่างรู้สึกร่วมประดุจเป็นตนเอง

จงมีสติกับสิ่งรอบตัว เหมือนที่เราขับรถแล้วมองกระจกหลังบ่อยๆตลอดเวลา

จงมีสติกับสิ่งรอบตัว เหมือนที่เราขับรถแล้วมองกระจกหลังบ่อยๆตลอดเวลา   ประโยคนี้หมายถึง การครองสติอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่สิ่งที่ยาก  หากเราชินแล้วเราจะทำได้ ดั่งที่เราขับรถ เราต้องมองทั้งกระจกหน้า กระจกมองหลัง กระจกข้าง เท้าเราเหยีบคันเร่งสลับเบรค มือเราเข้าเกียร์ เมื่อเราฝึกจนเราชิน สิ่งยุ่งยากก็กลายเป็นสิ่งง่ายๆ ทำได้โดยสัญชาติญาณ หากเรามีระบบสติ ที่ดีเลิศ เราขยับกลไกลที่มีคุณภาพเสมอ ชีวิตเราก็จะมีคุณภาพ     เขียนโดย เจ็ดผู้ว่าง่าย setmem