บางสิ่งที่มีแม้ไม่ดีเท่าสิ่งเก่า แต่ก็มิได้แปลว่านั่นไม่ใช่สิ่งสุข

บางสิ่งที่มีแม้ไม่ดีเท่าสิ่งเก่า แต่ก็มิได้แปลว่านั่นไม่ใช่สิ่งสุข แม้สิ่งสุขที่มีในวันนี้จะไม่เท่าสิ่งสุขที่เคยมีแต่ก็มิใช่หมายถึงไม่ใช่ความสุข ความสุขของสิ่งต่างๆนั้นมักเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีแง่มุมแบบฉบับเฉพาะตัว แต่ผู้คนมากมายหลายคน มักที่จะไปมองแต่แง่มุมที่เอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตนเคยมี โดยเฉพาะสิ่งตนเองสูญเสียไปและฝังใจ โลกนี้สร้างสรรค์สิ่งสุขเอาไว้มากมาย  แต่มนุษย์บางคนกลับสร้างเงื่อนไขด้วยการนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยมี ยึดเอาแต่ กฏเกณท์ว่า หากสิ่งที่ฉันมีนี้ไม่เท่าสิ่งที่เคยมีฉันก็ไม่อาจจะรับรสสุขของสิ่งนี้  และเอาแต่ใช้พื้นที่จิตใจไปกับการวนเวียนครุ่นคิดถึงอดีต โลกนี้ มีน้ำหวาน มีทั้งน้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม น้ำโคล่า มีอาหาร มีขนม มีมิตรภาพผู้คน  มีดอกไม้หลากหลายชนิด มีบรรยากาศและทัศนียภาพดีๆมากมาย อีกทั้งยังมี เวลาของพรุ่งนี้ที่ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำให้มันออกมาดีแค่ไหน ตราบใดที่คนไม่เปิดใจไม่เข้าใจ ถึงการรับสิ่งใหม่หรือสิ่งอื่นๆ คนผู้นั้นนับว่าสร้างกฏเกณท์เงื่อนไขที่ยากยิ่งแก่ชีวิต และทุกเพราะกฏเกณท์ที่ตนเองได้สร้างขึ้นในจิตใจ

จงเปิดพลังปูพื้นฐานสุขจากสิ่งรอบตัว

จงเปิดพลังปูพื้นฐานสุขจากสิ่งรอบตัว สมองคนมีสมองเดียว มีสัญญาณความคิดเดียว แต่คนเรานั้นวันๆใช้พื้นที่ความคิด พื้นที่ความรู้สึกไปกับเรื่องอะไร? แน่นอนว่าความสุขความทุกข์นั้นส่งผลได้กับระบบของร่างกาย และพลังของชีวิต สิ่งใดที่เป็นสุขนั้นยิ่งย่อมส่งเสริมให้ ร่างกายสุขภาพดีขึ้น ส่งเสริมให้อารมณ์ความคิด ดีขึ้น มีกระจิตกะใจมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ก่อนที่คุณจะตั้งเงื่อนไขของความสุข ด้วยสิ่งที่ไม่มีและสิ่งที่ต้องการ เหตุใดคุณจึงไม่ปูพื้นฐานของความสุข จากสิ่งที่มีรอบตัวก่อนเล่า? และแน่นอนว่ามันยากมากที่คุณจะสัมผัสคุณค่าแห่งความสุขจากสิ่งรอบตัวได้  หากตราบใดที่พื้นที่สมองและความคิดของคุณ ไม่เคยให้พื้นที่หยุดพักคิดจากเรื่องอื่น มาเปิดใจเรียนรู้สิ่งรอบตัวเลย จงจำเอาไว้ ผลไม้ที่แสนหวานกรอบสุขล้น นั้นย่อมต้องลงทุนลงแรงหว่านเพาะ จงตั้งใจที่จะผลักดันตัวเองให้มองเห็นสิ่งรอบตัวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในทุกวัน  อย่าอวดโอ้ตัวเอง หลงเชื่อตัวเองว่าสิ่งที่ตนกำลังสังเกตุนั้นมันมีอยู่แค่นั้น หรือตัวเองรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างดีพอ จงระลึกไว้เสมอว่าผู้ที่หลงในภูมิปัญญาของตนคนผู้นั้นย่อมมืดบอด ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองทำตนเป็นแก้วที่ไม่มีน้ำล้นแก้ว เป็นแก้วที่ว่างและรอรับการเติมเต็ม  ในโลกนี้ มีสิ่งเรียบง่ายมากมาย ที่คุณอาจยังไม่เข้าใจถึงคุณค่าแห่งสิ่งต่างๆนั้นได้ลึกซึ้งพอ จงจดจำความรู้สึกช่วงวัยเด็กอยากรู้อยากเห็น  รีสตาทร์ใจใหม่ให้กลายเป็นไม่รู้อะไรในอีกแง่มุมหนึ่งและ…

ความสุขคือสิ่งสำคัญที่ควรฝึกฝน

ความสุขคือสิ่งสำคัญที่ควรฝึกฝน ความสุขคือสิ่งที่ฝึกกันได้ และจงอย่าใช้สิ่งที่ตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำได้ในขณะนั้นเข้าตัดสินว่านั่นคือสิ่งที่ทำไม่ได้ มนุษย์เรานั้นแต่เล็กแต่เด็ก สุขหลายหลากล้วน เกิดจากการหล่อหลอมปลูกฝัง คนที่มีหัวใจยิ่งใหญ่สามารถมองเห็นความสุขสารพัดเรื่องรอบตัวได้ลึกซึ้ง สามารถมองสุขเล็กๆเป็นสุขที่ใหญ่ได้ สามารถมองความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องเล็กได้ สามารถมองเห็นองค์ประกอบสุขในแง่มุมต่างๆที่แฝงมากับเรื่องที่คนอื่นมองว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องเครียดเรื่องทุกข์ได้ มองเห็นสุขได้สารพัดแง่มุม  ความสุขที่มีค่า ควรต้องมาพร้อมกับความสุขที่ถูกทาง ซึ่งบทเรียนชีวิตจะเป็นสิ่งสอนเรา สอนการพบเห็น และรู้ว่าอะไรคือสิ่งมีค่าที่ควรสุขด้วย อะไรคือสิ่งมอมเมาเลวร้ายหรือสิ่งนำพาความเสื่อมต่ำนำพาความอ่อนแอ ที่ไม่ควรไปสุขด้วย รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ชักจูงไปสู่ความทุกข์อันสุดแสนสาหัส ในภายหน้า คนแบบนี้ใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่ากำไรชีวิต คนแบบนี้มีหัวใจอันแข็งแกร่งสร้างสรรค์เรื่องมีค่าได้และทนต่อเรื่องลบได้ ความสุขนั้นคือยาวิเศษที่เป็นเกราะปกป้องคุณได้จากเรื่องร้ายๆ อีกทั้งยังเป็นยาที่เห็นผลได้กับระบบร่างกายอย่างน่าทึ่ง

ยิ้มให้เก่ง

ผู้ที่ยังยิ้มได้ในวันที่เผชิญความยากลำบาก ผู้ที่ยังมีประกายแววตาแห่งจิตใจที่ต่อสู้ แม้ในวันที่เผชิญมรสุมชีวิต คนผู้นั้นย่อมมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ที่พร้อมฟันฟ่า สร้างสรรค์สิ่งมีค่าให้ชีวิตได้ กลับกันผู้ที่โมโหง่าย ขุ่นมัวง่าย โวยวายง่าย โทษฟ้าโทษดินโทษทุกสิ่ง ผู้ที่เอะอะก็ร้องไห้ง่าย โกรธง่าย เสียใจง่าย ท้อแท้ง่าย คนผู้นั้นย่อมเป็นผู้ที่นำพาการใช้ชีวิตที่ยุ่งยาก ยากลำบาก การฝึกฝนให้หัวใจตนเองกว้างใหญ่นั้น คือสิ่งที่ทุกคนทำได้ ขอมีใจที่จะฝึก ฝึกให้พัฒนาวันละนิดวันละน้อยไม่ย่อท้อมีแรงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนตัวเองเสมอ ผลที่ได้ย่อมคุ้มค่า จงอย่ายอมให้สิ่งภายนอกมาเล่นตลกกับชีวิตเรา   โลกแห่งความเป็นจริงที่เฝ้าทดสอบเรา เราต้องมีความรู้สึกอย่างนักสู้ จงเตือนตัวเองเสมอว่าอย่ายอมมัน  จงบอกตัวเองเสมอว่าสิ่งใดอย่าหวัง สิ่งใดอย่าบังอาจที่จะมาพรากรอยยิ้มไปจากฉัน  สิ่งต่างๆที่คิดจะมากลั่นแกล้งคุณ เพราะรู้ว่าคุณนั้นช่างอ่อนแอเปราะบาง และมีปฏิกริยาตอบโต้ได้ง่าย จงรู้เท่าทันและอย่ายอมเป็นคนอ่อนแอพ่ายแพ้

บทเรียนที่เพิ่มความรักให้ครอบครัว

บทเรียนที่เพิ่มความรักให้ครอบครัว สำหรับคนที่ยังพอมีพ่อมีแม่ หรือมีญาติมีพี่น้อง หรือมีครอบครัวมีคนรักคอยให้กำลังใจ คุณลองระลึกถึงช่วงที่เขาเหล่านั้นเป็นห่วงเป็นใยคุณ หรือร่วมร้อนหนาวกับคุณ รู้สึกแย่ไปด้วยกับคุณ คุณลองค่อยๆตั้งสติระลึกให้ดีคุณเห็นอะไรไหม? ที่แสดงถึงพลังแห่งความอบอุ่นที่งดงามและยิ่งใหญ่ ไม่ว่าคุณจะเสียใจจาก ทรัพย์สินเงินทอง  เสียใจจากความผิดหวังต่อฐานะยศศักดิ์ ผิดหวังต่อเส้นทางที่ตั้งเป้าหมายไว้ หรืออกหักเสียใจเรื่องแฟน หรือเสียใจต่อความสูญเสียคนรักหรือสมาชิกสำคัญ หรือเครียดในภาวะหนี้สิน หรือเสียใจต่อความผิดใดๆของตนเอง แต่มันเป็นบทเรียนบทหนึ่งของชีวิต ที่จะสอนให้คุณได้เห็นการเกื้อกูลประคองกันของบรรดาคนที่ยัง ช่วยเหลือคุณ นาทีนี้คุณจะได้เห็นสิ่งที่งดงามของคนที่ห่วงใยคุณ ได้เห็นความจริงใจ ที่เขายังมีให้คุณ คุณจะได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ยังเหลืออยู่นั้น แท้จริงมันมีค่ามหาศาล บางกรณีมีค่ายิ่งกว่าสิ่งที่คุณเสียไปด้วยซ้ำ ภายใต้ความเสียใจอย่างน้อยยังมีเรื่องดีๆปรากฏและเกิดขึ้น  สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่หวลคืนแต่สิ่งที่ยังเหลือและมีค่านั้น มันถึงเวลาแล้วที่คุณจะเรียนรู้ที่จะมองเห็นให้ลึกซึ้งถึงสุขล้นมากยิ่งขึ้น

จงฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์

จงฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์   การฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์นั้นก่อนอื่นต้องแยกให้ออกก่อนว่า มิใช่หมายถึงการเป็นคนเอาแต่รักสนุกเหลวไหล และเกียจคร้านไม่ยอมเผชิญกับงานหนักหรือภาระหน้าที่สำคัญใดที่ต้องเจอความทุกข์ การฝึกในที่นี้หมายถึงการฝึกรักที่จะมีความสุขในเวลาและกาละที่เหมาะสม มีสุขกับสิ่งที่งดงามสะอาดบริสุทธิ์ และมีค่า มิใช่มักมากในสิ่งสนุกในทางที่ทำลายคุณค่าของตนเอง และจงเกียจคร้านที่จะทุกข์กับสิ่งที่ไม่ควรจะไปทุกข์ เชื่อได้ว่าหลายๆคนที่กำลังตกอยู่ใน โรคซึมเศร้า ทำความรู้สึกหลายประการหายไปนั้น  ชีวิตของคุณน่าจะคงเคยสัมผัสมาแล้ว กับสภาพของจิตใจของตัวเองในอดีต ที่เคยเป็นคนรักสนุกรักอะไรง่ายๆสบายๆ และเกียจคร้านที่จะคิดเรื่องความเครียดความทุกข์ให้ยุ่งยาก และในขณะที่วันนี้คุณหมองเศร้า ไม่สามารถที่จะจับอารมณ์แบบนั้นได้เลย หรือได้ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ทำไปก็วนเวียนกลับมาซึมเศร้าใหม่   คุณยังคงไม่ใส่ใจสนใจที่จะจริงจังกับการบำบัดความรู้สึกกระตุ้นต่อมความรู้สึกของตัวเอง เท่าที่ควร และคุณอาจจะแอบหวังลึกๆว่าสักวันอาการซึมเศร้ามันคงจะหายไปเอง และคุณจะกลับไปเป็นคนที่ร่าเริงปรกติได้เอง แม้ว่าคุณจะเฝ้ารอแล้วเฝ้ารอเล่าแต่มันก็ไม่ได้สักที   หากคุณคิดแบบนี้ล่ะก็ นับว่าอันตรายมาก ที่ว่าอันตรายก็คือ   คนเรานั้นจะมีต่อมรับรสความสุข ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่มหัศจรรย์มากๆของมนุษย์ ซึ่งมันสามารถรับรู้รหัสที่ละเอียดยิบปลีกย่อย และรวดเร็ว…