ยืนหยัดความพรากจากให้ได้ดั่งลูกสิงโต

ยืนหยัดความพรากจากให้ได้ดั่งลูกสิงโต ลูกสิงโตเมื่อยามเยาว์วัย จะได้รับการดูแล อย่างอบอุ่นชิดใกล้และตราบจนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเติบโต ลูกสิงโตนั้นจะถูกขับไล่ผลักไส ให้ออกไปเผชิญโลกเองตามลำพัง ไม่ว่าจะกระวนกระวายใจ เสียใจ หรือคิดถึง แม่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกเผชิญกับความเป็นจริง เปรียบดั่งชีวิตคนที่ต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โลกนี้ชีวิตสรรพสิ่ง ล้วนมีวิถีแห่งธรรมชาติ ที่บีบให้ชีวิตดิ้นรนเผชิญและแข็งแกร่ง มีเพียงสังคมอุปโลกษณ์ปรุงแต่งนานาชนิดของมนุษย์เท่านั้น ที่พยายามที่จะสร้างครรลองที่ฝึกสอนใจให้บิดเบือนไปจากความเป็นจริง  และเมื่อถึงวันที่ต้องเผชิญกับความเป็นจริงกลับไม่เคยมีการเตรียมพร้อมตั้งตัวได้ทัน มนุษย์ในสังคมเมื่อต้องพบกับการพรากจาก  จะรู้สึกทุกข์ เสียใจ บ้างคร่ำครวญ รู้สึกยากทนทาน คุณจะเลือกหนทางใด? บางคนยึดติดอยู่กับในสิ่งเก่าๆต้องการให้ ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมเฝ้าเหม่อลอย ฟุ้งซ่านเสียใจ มีชีวิตอยู่อย่างคนที่พ่ายแพ้ชีวิต ลองแบ่งใจสักนิด   ขอพื้นที่ของจิตใจบ้างสักหน่อย  ขอเถิดพื้นที่ในสมอง ที่เอาแต่ไปครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านไป ขอพื้นที่ว่าง ดั่งกระดาษว่างเปล่าที่พร้อมรับสิ่งใหม่บ้างสักนิด คุณยังมีปัจจุบัน…

เข้าใจทุกอย่างแต่ยังไม่หาย

สำหรับ ผู้ที่ผ่านพ้นช่วงเวลาของการเรียนรู้ ไตร่ตรองสิ่งต่างๆมาอย่างไม่มีอะไรคาใจอีกต่อไปแล้ว  ใช้เวลารักษาเยียวยาตนเองมานานพอสมควร จนเริ่มมีจิตใจที่ดีขึ้น ทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ มีใจที่จะปล่อยวางแล้ว  และปรับทัศนคติ ปรับจิตใจ มีแง่คิดดีๆมากมายที่เหมือนจะพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างยืนหยัดขึ้นอีกครั้งแล้ว แต่ทว่า! บางวัน บางเวลา กลับยังต้องเผชิญภาวะไร้เหตุผล เช่น รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรเศร้ายังจะเศร้าอีก รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีอะไรต้องคิดแล้วยังมักจะเผลอคิดอีก รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จิตใจก็ยังวนเวียนในเรื่องเดิม ทั้งๆที่ตนเองได้รับการเสริมปัญญาให้กับชีวิตแล้ว สาเหตของภาวะแบบนี้ ส่วนประกอบสำคัญอันดับแรกนั่นก็คือ “ความเคยชิน” ความเคยชินของชีวิตประจำวันที่ผ่านมา ที่เคยชินอยู่กับการคิดถึง การไคร่ครวญ การย้ำคิด ในช่วงที่ตกเป็นคนคิดมากนั้นสร้างความเคยชินโดยไม่รู้ตัว ความเคยชินนี้ มันคือสิ่งที่สามารถเป็นได้แม้ว่าจะไร้เหตผล  แม้ว่าเมื่อก่อนคุณจะรู้สึกหดหู่เพราะมีความคิดเศร้าๆ ความนึกในเรื่องแย่ๆ  แต่แม้คุณจะไม่คิดไม่นึกแล้ว แต่ภาวะความเคยชินมันก็เผลอเสพติดไปโดยไม่รู้ตัว และก่อรูปของอารมณ์หดหู่ขึ้นได้เองอย่างไร้เหตุไร้ผล…

จงเปิดพลังปูพื้นฐานสุขจากสิ่งรอบตัว

จงเปิดพลังปูพื้นฐานสุขจากสิ่งรอบตัว สมองคนมีสมองเดียว มีสัญญาณความคิดเดียว แต่คนเรานั้นวันๆใช้พื้นที่ความคิด พื้นที่ความรู้สึกไปกับเรื่องอะไร? แน่นอนว่าความสุขความทุกข์นั้นส่งผลได้กับระบบของร่างกาย และพลังของชีวิต สิ่งใดที่เป็นสุขนั้นยิ่งย่อมส่งเสริมให้ ร่างกายสุขภาพดีขึ้น ส่งเสริมให้อารมณ์ความคิด ดีขึ้น มีกระจิตกะใจมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ก่อนที่คุณจะตั้งเงื่อนไขของความสุข ด้วยสิ่งที่ไม่มีและสิ่งที่ต้องการ เหตุใดคุณจึงไม่ปูพื้นฐานของความสุข จากสิ่งที่มีรอบตัวก่อนเล่า? และแน่นอนว่ามันยากมากที่คุณจะสัมผัสคุณค่าแห่งความสุขจากสิ่งรอบตัวได้  หากตราบใดที่พื้นที่สมองและความคิดของคุณ ไม่เคยให้พื้นที่หยุดพักคิดจากเรื่องอื่น มาเปิดใจเรียนรู้สิ่งรอบตัวเลย จงจำเอาไว้ ผลไม้ที่แสนหวานกรอบสุขล้น นั้นย่อมต้องลงทุนลงแรงหว่านเพาะ จงตั้งใจที่จะผลักดันตัวเองให้มองเห็นสิ่งรอบตัวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในทุกวัน  อย่าอวดโอ้ตัวเอง หลงเชื่อตัวเองว่าสิ่งที่ตนกำลังสังเกตุนั้นมันมีอยู่แค่นั้น หรือตัวเองรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างดีพอ จงระลึกไว้เสมอว่าผู้ที่หลงในภูมิปัญญาของตนคนผู้นั้นย่อมมืดบอด ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองทำตนเป็นแก้วที่ไม่มีน้ำล้นแก้ว เป็นแก้วที่ว่างและรอรับการเติมเต็ม  ในโลกนี้ มีสิ่งเรียบง่ายมากมาย ที่คุณอาจยังไม่เข้าใจถึงคุณค่าแห่งสิ่งต่างๆนั้นได้ลึกซึ้งพอ จงจดจำความรู้สึกช่วงวัยเด็กอยากรู้อยากเห็น  รีสตาทร์ใจใหม่ให้กลายเป็นไม่รู้อะไรในอีกแง่มุมหนึ่งและ…

อย่าให้ความเหงาเป็นตัวร้าย

ความเหงาคือ ส่วนผสมหนึ่งที่เข้าร่วมทำให้ผู้ที่อยู่ในภาวะอกหักต้องรู้สึกทุกข์ ความเหงานั้นเป็นธรรมดา ที่คนโดยทั่วไปจะรู้จักสิ่งนี้รู้สึกได้ถึงสิ่งนี้กันทุกคน แต่ต่างกันตรงที่ว่า ความมากน้อยนั้นต่างกัน  ความพร่ำเพรื่อนั้นต่างกัน และความแข็งแรง และทัศนคตินั้นต่างกัน คนที่มักกำราบความเหงาด้วยการพึ่งพิงปัจจัยภายนอก จนเคยตัวติดเป็นนิสัย คนผู้นั้นจะไม่ได้รับการพัฒนาพลังของจิตใจตนเองเลย อีกทั้งยังอ่อนแอลงทุกวันด้วยความเคยตัวนั้น ลองไตร่ตรองใคร่ครวญนึกถึงตัวเองในอดีตที่ผ่านมาดูให้ดีว่า ตัวเรานั้นมักยึดติดกับอะไรบ้าง บางคนใช้หนังสือ ใช้ทีวีช่วยคลายเหงา บางคนใช้เพลงช่วยคลายเหงา แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อใช้สิ่งเหล่านี้จนเคยชิน กลับกลายเป็นถูกสิ่งเหล่านั้นผูกขาดความเหงาเอาไว้เวลาใดที่ไม่ได้เสพ จะรู้สึกไม่สบายใจ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่ามากเกินพอดี มนุษย์ที่ไม่รู้เท่าทัน การควบคุมตนเองยิ่งพอได้สัมผัสความรัก รู้สึกว่ารสของการครองคู่ รสของการมีแฟนมันช่างหอมหวานมันช่างอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน เสพติดรสรักฝากทุกอย่างของชีวิตไว้กับความรัก และติดนิสัยเอาคนรักเป็นที่ตั้ง หากไม่ได้พบไม่ได้เจอไม่ได้คุยจะคิดถึงอย่างหนัก บางคนติดโทรศัพท์ เวลาที่ว่างๆถ้าไม่มีใครโทรมาหาจะรู้สึกอ้างว้างกว่าคนปรกติทั่วไป ต้องคอยชำเลืองมือถือของตัวเองเสมอว่าเมื่อไหร่จะมีคนโทรมา สิ่งพวกนี้ล่ะคือพฤติกรรมของความเหงาที่คนเรามักบ่มเพาะพัฒนาอาการของมันขึ้นมาด้วยพฤติกรรมต่างๆ และท้ายที่สุดในวันเวลาที่คุณต้องเผชิญกับความพรากจาก ซึ่งเป็นความจริงในโลกนี้ที่ไม่มีใครหนีพ้น…