จะสุขจะทุกข์นั้นขึ้นกับความมีใจอยู่ร่วม

Tagged:

จะสุขจะทุกข์นั้นขึ้นกับความมีใจอยู่ร่วม

โลกเรานั้นสรรพสิ่งล้วนมีความแตกต่าง

 มีนก  มีปลา มีต้นไม้  มีมนุษย์ และมีอีกสารพัดมากมาย

มนุษย์คงไม่เศร้าเพราะไม่มีปีกบินได้อย่างนก

นกคงไม่เศร้า เก็บกดเป็นปมด้อยเพราะไม่สามารถอยู่ในน้ำได้อย่างปลา

ปลาคงไม่เศร้าเพราะไม่มีแขนขาแบบมนุษย์

จะเห็นว่าแต่ละสิ่งล้วนมีวิถีแห่งตน และมีจิตที่ร่วมใจกับชีวิตของตนเอง

=u;b92

แต่ทว่าบางทีแล้วสังคมของมนุษย์ นั้นมีการเสี้ยมสอนความเศร้า มีการเปรียบเทียบกับสิ่งที่แตกต่าง กว่าตน

เช่น

การสังเวชเวทนา คนตาบอดหรือหูหนวก หรือแขนขาพิการ แต่กำเหนิด  แต่ก็ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มิได้ตกอยู่ในสภาพใช้ชีวิตไม่ได้

และมนุษย์ที่มีจิตเมตตา ล้วนช่วยเหลือคนพิการเพื่อให้ได้รับความสะดวกในชีวิตมากขึ้น   แต่นั่นมิใช่หมายความว่าจะไปตีตราว่าสิ่งที่ผู้พิการเป็นนั้นมันคือสภาพที่น่าสมเพชแต่อย่างใดไม่

บางครั้งเราใช้ความรู้สึกส่วนตัวของเราชี้วัดแทนเขา

เราใช้ความเคยชินร่วมใจกับชีวิตของเราไปคิดแทนชีวิตของเขา

หากวันใดวันหนึ่ง มีมนุษย์ที่สามารถ เหาะเหินเดินอากาศ มีสายตายาวไกลมองข้ามภูเขาได้ยินเสียงไกลๆได้  มีแขนขาที่ยืดหดได้

มนุษย์ธรรมดาจะถือเป็นสิ่งน่าสมเพชหรือไม่?

อย่าว่าแต่เรื่องจุกจิกที่เล็กลงมาจาก เรื่องเหล่านั้น เช่นความกลุ้มใจ สอบไม่ได้ จีบสาวไม่ติด  โกรธงอนอิจฉาริษยา มีการเอาชีวิตตนเองไปคอยเปรียบเทียบกับผู้อื่น  และอีกมากมายเรื่องเครียดในสังคม ที่มนุษย์เสี้ยมสอนจิตใจเคยชินและยึดถือกัน

แท้ที่จริงแล้ว ยังมีความสุขและทุกข์หลายชนิด

ที่ขึ้นอยู่กับตัวเราที่จะเปิดใจไปทางใด ทุกข์สุขอยู่ที่ใจ   มนุษย์เราปรับตัวร่วมใจกับวิถีชีวิตมาแล้วจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่การใช้ชีวิตในยุคหิน

การใช้ชีวิตในสมัยที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟเจริญศิวิไลน์  ทุกยุคทุกสมัยมนุษย์นั้น ทุกข์สุขด้วยความเคยชิน

และก็เป็นหลักฐานสำคัญว่า ทุกข์สุขนั้นอยู่ที่การร่วมใจ

หากเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสภาพชีวิตที่เป็นจริงในปัจจุบันของตน  นั่นก็ลดวางความทุกข์ได้มากขึ้น

แต่หากปรุงแต่งจิตใจว่าฉันกำลังเป็นทุกข์นั่นก็คือการแบกเพิ่มความทุกข์มากขึ้น

 

Leave a Comment

Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).