ประเมินอาการอกหัก ก่อนที่ คุณผู้อ่านจะศึกษาเรียนรู้จากบทความต่างๆในหมวดรักษาอาการอกหัก ในเวปแห่งนี้ คุณต้องตรวจทราบตัวเองให้ดีก่อนว่าอาการที่ตนเองนั้นเป็นอยู่ใช่อาการอกหักชนิดรุนแรงหรือไม่ สิ่งที่ควรทราบก่อนมีดังต่อไปนี้ อาการกลุ่มแรก คืออาการผิดหวัง อาจจะมีบางคนเรียกว่าอกหักเล็กๆก็ได้ ยังไม่ถึงขั้นอาการรุนแรง และอาจไม่จำเป็นต้องรักษาอะไรมากนัก เพราะสาเหตุที่เกิดขึ้นจากสิ่งเหล่านี้ เยียวยาตัวเองไม่นานนักก็หาย อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้ มีหลายแห่งที่ให้นิยามว่า ไม่ใช่อาการอกหัก แต่เป็นเพียงคนที่ยังไม่ได้ สัมผัสโลกแห่งความรักที่แท้จริงอย่างเต็มที่ หรืออาจยังไม่ทันได้เปิดใจกับฝ่ายตรงข้ามอย่างจริงๆจัง เท่านั้น เช่น 1.ความรู้สึกเสียดาย ซึ่งเป็นเพียงความเสียดายจากการต้องการกันเพียงแค่สิ่งภายนอกเช่นหน้าตา ฐานะ 2.ความเลิกกันโดยที่ยังไม่ก่อเกิดเป็นรักแท้ อาจยังอยู่แค่ประเภทของความคลายเหงา ความผูกพัณธ์ชั่วครั้งคราว 3.คนที่มีความรักแต่ตัวเองสนใจแต่ตัวเอง อยู่มากกว่า อย่างชนิดที่ไม่เคยยกใจให้ใคร และมีความซึมเล็กน้อยในอาการแบบคนที่หลงใหลเล็กน้อย ประการต่อมาที่ควรทราบคือ 1. บางครั้งการที่คุณสูญเสียสิ่งหนึ่ง…
admin
Subscribe to the RSS Feed for admin.
ควรทานวิตามินบีเป็นประจำ โดยเฉพาะในภาวะโรคเครียดหรือซึมเศร้า
byควรทานวิตามินบีเป็นประจำ โดยเฉพาะในภาวะโรคเครียดหรือซึมเศร้า จริงอยู่ว่า เรื่องของใจนั้นต้องแก้ที่ใจ แต่ภาวะทางร่างกายก็มีส่วนเกี่ยวข้อสำคัญเป็นอย่างมาก การสร้างปัจจัยให้เหมาะสมที่สุด คือสิ่ง ที่สนับสนุนกันนั่นคือหนทางที่เพิ่มประสิทธิภาพ ในยามที่คุณอยู่ในภาวะความเคลียดกลุ้มเศร้าเรื้อรัง สภาพของระบบประสาทสมองของคุณจะ ทำงานหนักมาก และใช้สารอาหารและวิตามินไปเยอะมาก วิตามินบี 6/12 นั้นถือว่าเป็นวิตามิน กลุ่มหนึ่งที่คุณควรทานเป็นประจำโดยเฉพาะในภาวะของ โรคเครียด โรคซึมเศร้า วิตามิน บี 6 (ไพริดอกซิน) มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ควบคุมสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย การย่อยอาหาร การดูดซึมของไขมันและโปรตีน การสร้างระบบภูมิต้านทานในร่างกาย วิตามิน บี 12 (ไซอะโนโคบาลามิน) มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเซลล์ต่าง ๆ ป้องกันการ…
จงปลูกฝังปฏิกริยาต่อแวดล้อมและวัตถุใหม่
byจงปลูกฝังปฏิกริยาต่อแวดล้อมและวัตถุใหม่ สมองและประสาทสัมผัสของมนุษย์เรา มีการทำงานได้ในลักษณะของการประมวลผล ที่สร้าง ปฏิกริยา ต่อการสัมผัสหรือพบเห็นสิ่งต่างๆได้จากการปลูกฝังอันเคยชิน และทำงานอย่างรวดเร็ว อัตโนมัติ ในคู่รักหลายคู่มักมีการปลูกฝัง ในด้านความสัมพัณธ์ระหว่างสองคนอยู่หลายเรื่องไม่น้อย อย่างเช่นว่า เมื่อเจอของที่คนรักชอบ เจออาหารที่คนรักชอบ เจอสถานที่ที่คนรักชอบหรือเคย ชอบด้วยกัน เจอสิ่งที่เคยทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกัน และสิ่งเหล่านี้เอง ในวันที่หวานชื่นมันสร้างความสุขอิ่มเอมหัวใจเหลือเกิน แต่ในวันที่เลิกรา มัน กลับกลายเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายจิตใจให้หดหู่อ้างว้าง และยิ่งสำหรับคนที่กำลังพยายาม แก้ไขตัวเองให้หายจากความเศร้าโศกเสียใจ แต่ทว่าเมื่อพบ เจอสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับเจอ การขัดขวางเจอการบั่นทอน และการที่คนเราจะสร้างจิตใจให้แข็งแรง จำเป็นอย่างที่สุดที่ควรต้องตระหนักถึงอะไรก็ตามที่จะ สามารถมาพัง จิตใจที่เราอุส่าต์สร้างมาไว้อย่างดี ได้แบบง่ายๆและเสียแรงที่อุส่าต์ทำใจมามาก มาย การสร้างจิตใจควรจะเหมือนกับการสร้างบ้าน บ้านที่ควรต้องมีรากฐานและโครงสร้างที่แข็งแรง อันมิใช่เป็นเหมือนแค่ประสาททรายที่ก่อขึ้นตามชายหาด…
ทุกข์สุขล้วนต้องเจอแต่อยู่ที่มองอะไร
byทุกข์สุขล้วนต้องเจอแต่อยู่ที่มองอะไร มนุษย์เรานั้น ความทุกข์คือสิ่งที่ทุกคนล้วนแต่ต้องเจอ แต่ทว่า กลับมีบางคนที่อาจเคยเข็ดขยาดจากเรื่องร้ายๆ หรือยังรู้สึกบอบช้ำไม่หายดี คนเหล่านี้หลายคนมักจะมองโลกในแง่ลบ พวกเขามักจะคิดว่าชีวิตทำไมมันช่างมีแต่ความทุกข์ ที่มนุษย์ต้องเผชิญ จากนั้นก็พะวงนั่นกังวลนี่ จิตใจเฝ้าจับตาสังเกตุการเกิดขึ้นของความทุกข์ที่ต้องเป็นไปตามวัฐจักร ไม่ว่าการสูญเสียพรากจาก การล้างรา การเจ็บไข้ได้ป่วย การชรา และความตาย พะวงที่จะจับจ้องแต่ด้านนึงของโลกที่ตนเองกลัวว่าเมื่อไหร่จะมาถึง กังวลจดจ้อง ดั่งจิตที่แอบหมกมุ่นลึกๆภายใน สะกดจิตภายใน การทำเช่นนี้จะทำให้จิตใจตกอยู่แต่ในบรรยากาศด้านลบของโลกนี้ โดยที่ลืมมองไปว่าโลกนี้ยังมีด้านบวก ยังมีเรื่องดีๆอีกมากที่สลับเข้ามาให้ได้ดื่มด่ำ ชื่นชม แท้ที่จริงแล้วเรื่องร้ายๆนั้น มิได้ถ่าโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดไป ชีวิตเมื่อพบความทุกข์ก็ย่อมมีจังหวะได้พักจากความทุกข์ หรือแม้แต่มีสุขสลับเข้ามาบ้าง เวลาของชีวิตนั้นยาวนานมากพอที่จะได้มีช่วงสลับพักเจออย่างอื่น และมีเรี่ยวแรงพอที่จะรับความทุกข์ต่างๆได้เสมอ เพราะชีวิตคือเรื่องราวที่ครบรส ได้เกิดมาเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ฝึกฝนและพยายาม และท้ายที่สุดผู้ที่สามารถเข้าใจความทุกข์นั่นต่างหากที่จะเป็นผู้เข้าใจคุณค่าของสิ่งต่างๆ…
หนี้ท่วม
byหนี้ท่วม โลกเรานี้นอกจากคำปรัชญาชีวิตกล่าวที่ว่า ความไม่มีโรคนั้นเป็นลาภอันประเสริฐแล้ว เห็นทีว่าในโลกยุคใหม่นั้นจะเริ่มมีคำว่าความไม่มีหนี้ก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐด้วยเช่นกัน ปัญหาความเครียดจากหนี้สินนั้นเป็นอีกปัญหายอดฮิตหนึ่งที่มีผู้คนมากมายต้องเครียด กับเรื่องนี้ หนี้สินนั้นก่อเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางคนยากจนแร้นแค้น เกิดมาอย่างไร้โอกาสและมีแต่หนี้สินรุมเร้า บางคนถูกหลอกถูกโกง บางคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่รู้จักประมาณตัว บางคนหนี้ท่วมเพราะบริหารธุรกิจด้วยความเสี่ยง หมุนเงินเกินตัว บางคนเป็นหนี้เพราะการพนัน บางคนเป็นหนี้เพราะโรคภัยไข้เจ็บ บางคนเป็นหนี้เพราะต้องรับผิดชอบคนในครอบครัว บางคนจัดการกับปัญหาหนี้ไม่เป็น ซึ่งพลาดผิดไปใช้วิธีหนี้ต่อหนี้ คือยืมที่หนึ่งมาใช้ที่หนึ่ง ขยายวงเงินไปเรื่อยๆอย่างแทบไม่คาดคิดว่ามันจะ ยิ่งใหญ่กลายเป็นหนี้ท่วมได้ อย่างไรก็ตามสำหรับท่านที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินรุมเร้าอยู่นั้น เราขอแนะนำข้อคิดและการจัดการดังนี้ 1. นำสิ่งที่เกิดขึ้นกับปัญหาทั้งหมดมา เขียนลงในกระดาษ เขียนให้หมดว่าเป็นหนี้ใครบ้างเท่าไหร่อย่างไร เขียนช่องทางรายได้ปัจจุบัน และเขียนทุกรายละเอียดข้อมูล เพื่อให้นำภาพรวมมามองเห็นได้ชัดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การจัดการต่างๆนั้น เป็นแบบแผนขึ้น อย่าท้อแท้ไปมัวคิดว่าเขียนไปก็ไม่ได้อะไร เพราะจริงแล้วมันคือหนทางต่อยอดความคิด หาทางออกได้อย่างมีนัยสำคัญ…
บางสิ่งที่มีแม้ไม่ดีเท่าสิ่งเก่า แต่ก็มิได้แปลว่านั่นไม่ใช่สิ่งสุข
byบางสิ่งที่มีแม้ไม่ดีเท่าสิ่งเก่า แต่ก็มิได้แปลว่านั่นไม่ใช่สิ่งสุข แม้สิ่งสุขที่มีในวันนี้จะไม่เท่าสิ่งสุขที่เคยมีแต่ก็มิใช่หมายถึงไม่ใช่ความสุข ความสุขของสิ่งต่างๆนั้นมักเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีแง่มุมแบบฉบับเฉพาะตัว แต่ผู้คนมากมายหลายคน มักที่จะไปมองแต่แง่มุมที่เอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตนเคยมี โดยเฉพาะสิ่งตนเองสูญเสียไปและฝังใจ โลกนี้สร้างสรรค์สิ่งสุขเอาไว้มากมาย แต่มนุษย์บางคนกลับสร้างเงื่อนไขด้วยการนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยมี ยึดเอาแต่ กฏเกณท์ว่า หากสิ่งที่ฉันมีนี้ไม่เท่าสิ่งที่เคยมีฉันก็ไม่อาจจะรับรสสุขของสิ่งนี้ และเอาแต่ใช้พื้นที่จิตใจไปกับการวนเวียนครุ่นคิดถึงอดีต โลกนี้ มีน้ำหวาน มีทั้งน้ำแดง น้ำเขียว น้ำส้ม น้ำโคล่า มีอาหาร มีขนม มีมิตรภาพผู้คน มีดอกไม้หลากหลายชนิด มีบรรยากาศและทัศนียภาพดีๆมากมาย อีกทั้งยังมี เวลาของพรุ่งนี้ที่ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำให้มันออกมาดีแค่ไหน ตราบใดที่คนไม่เปิดใจไม่เข้าใจ ถึงการรับสิ่งใหม่หรือสิ่งอื่นๆ คนผู้นั้นนับว่าสร้างกฏเกณท์เงื่อนไขที่ยากยิ่งแก่ชีวิต และทุกข์เพราะกฏเกณท์ที่ตนเองได้สร้างขึ้นในจิตใจ
จิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น
byจิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น เคยสงสัยและถามตัวเองไหมว่า ในวันที่ฉันซึมเศร้า บางครั้งฉันอยู่คุยกับตัวเอง คิดต่างๆนาๆ จน วันนึงโชคดี เกิดความคิดแนวทางใหม่ เกิดแรงตั้งใจใหม่ให้กับชีวิต รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำใจได้ และเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ใช่คนที่จมเจ่าในความทุกข์อีก ความคิดเหล่านั้นซึมซาบในความรู้สึกในอารมณ์ ทำให้จิตใจมีพลังและสุขล้น แต่แล้ว เพียงผ่านไปไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน หรือแม้แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง กลับมาซึมเศร้าอีกแล้ว? สำหรับลักษณะอาการแบบนี้นั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆที่ร่วมเกี่ยวข้อง ซึ่งในบทอื่นๆเราได้กล่าวถึงปัจจัยประกอบต่างๆ แต่สำหรับบทนี้เรา จะมาทำความเข้าใจกับสาเหตุสำคัญใหญ่ๆ อีกสาเหตุหนึ่งนั่นก็คือ “การไม่ ยึดมั่นในวิถีชีวิต” บางครั้งเราอาจไม่รู้เท่าทัน ว่าชีวิตที่หายจากความทุกข์เศร้า ชีวิตที่ลุกขึ้นยืนได้ และมีแรงใจประดุจดั่งความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่ ชีวิตแบบนี้นั้นเกิดขึ้นได้จากครรลองใหม่ ที่เราควรจะต้องรักษา และหล่อเลี้ยงตลอดไป วันใดที่เรากลับไปคลุกคลีครรลองแบบเก่าๆ วันใดที่เราทำวิถีใหม่ๆเสื่อมถอยไป…
ครอบครัวมีความหมายมีกำลังใจ
byครอบครัวมีความหมายมีกำลังใจ ความรักความร่วมใจของครอบครัวนั่นคือสิ่งสำคัญ ที่ประเสริฐยิ่งนักเป็นพลังที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ใครก็ตามที่มีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า หรือแม้จะไม่พร้อมหน้าแต่ก็ยังเหลือครอบครัวอยู่นั้น คือสิ่งมีค่าที่ควรถนอมรักษาเอาไว้ หรือแม้บางคนอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ก็สามารถนับบางสิ่งเป็นครอบครัวที่มีความสำคัญได้ แม้ว่าครอบครัวของใครที่อาจจะไม่มีบรรยากาศงดงามดั่งนิยายแห่งสุข แต่สิ่งที่อยู่กับชีวิตของเราเองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องให้เกรียติสิ่งต่างๆที่เป็นชีวิตของเรา สภาพการสังคมในปัจจุบัน ที่กระแสสังคมต่างๆทำให้ผู้คนไขว่คว้าแข่งขันดิ้นรน จิตใจของผู้คนจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งอื่นๆ จนอาจละลายการหล่อหลอมทบทวนจิตใจที่จะเห็นสุขได้อย่างดื่มด่ำของการมีครอบครัว จิตมนุษย์สมองมนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการ การโปรแกรมในระบบคลุกคลีทบทวนอยู่เสมอ เป็นไปได้ยากที่หลายต่อหลายคนมโนกันเองเอาว่า ตนเองจะยังคงเหมือนเดิมได้ แม้ว่าจะติดงานจะยุ่งเรื่องส่วนตัวยุ่งเรื่องขบคิดอื่นๆหน้าที่การงาน การเรียน เรื่องเพื่อนเรื่องแฟน เรื่องวัตถุ ตนเองจะยังคงมีจิตที่รักครอบครัวสัมผัสความเหนียวแน่นอบอุ่นของครอบครัวได้ โดยที่ไม่ได้ให้ความใส่ใจให้ความคลุกคลีต่อครอบครัวมากพอ มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากและทำได้เพียงแค่ปากพูดหรือมโนไปเอง การทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน การเจียดเวลาแบ่งเวลา มาคิดมาสังเกตุถึงสิ่งดี สิ่งมีความหมายต่างๆ ของครอบครัว การให้พื้นที่จิตใจ สื่อสารถึงของครัวบ้าง ระลึกนึกถึงเรื่องราวดีๆ การตระหนักรักษาสภาวะจิตที่เชื่อมโยงต่อครอบครัวอย่างเหนียวแน่น…
เบื่ออาหาร เพราะความเครียด
byเบื่ออาหาร เพราะความเครียด อาการเบื่ออาหารเป็นผลข้างเคียง เป็นของคู่กันกับโรคซึมเศร้า อย่าว่าแต่คนที่ไม่มีอาการรุนแรงถึงขั้นโรคซึมเศร้า แต่เป็นเพียงอาการเครียดกลุ้มหรือทุกช์ใจเศร้าใจทั่วไป ก็ยังมักจะกินอาหารไม่ลง โดยภาวะกินไม่ลง หรือที่เรียกกันว่าเบื่ออาหารนี้เกิดขึ้นได้ทั้งจากสภาพจิตใจ ที่อยากกินอะไร และยังเกิดขึ้นได้กับระบบเคมีในร่างกายที่แปรปรวน ทำลายลดทอนยับยั้ง สารที่กระตุ้นให้เจริญอาหาร ยิ่งหากส่งผลเรื้อรังลงในระบบร่างกาย ยิ่งจะทำให้สถานการณ์แย่ลงมากขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ในขณะที่ร่างกายทานอาหารน้อยลง ปัญหาที่จะตามมาอีกนั่นก็คือ ภาวะขาดสารอาหาร ขาดวิตามิน ซึ่งจะยิ่ง เป็นอาการที่ขยายโรคซึมเศร้าให้ยิ่งจิตหดหู่ดำดิ่งในความทุกข์มากยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายขาดสาหารและวิตามิน แน่นอนว่าระบบประสาท ระบบสารสื่อสมองย่อมที่จะเริ่มทำงานได้อย่างเสื่อมถอยบกพร่อง ยิ่งผู้ที่เศร้าโศกเสียใจ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ นั่นคือการที่ผู้นั้นกำลังเอาสมองสติปัญญาที่เสื่อมถอย ไปขบคิด เปรียบเหมือนเอาคนอดนอน คนไม่กินข้าวกินปลา ไปทำงานสำคัญไปสร้างบ้านไปสอนหนังสือไปทำงานต่างๆใดๆย่อมไม่มีทางที่จะได้เนื้องานที่ดี กลับกันจะยิ่งสับสนทำเนื้องานเสียหายด้วยซ้ำ และหากเป็นการขบคิดหาทางออกให้กับปัญหาของชีวิต แล้วเอาสภาพร่างกายแบบนี้มาคิด…
เข้าใจความเป็นจริงของที่อยู่แห่งชีวิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ได้
byเข้าใจความเป็นจริงของที่อยู่แห่งชีวิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ โลกเรานั้น จะสังเกตุได้ว่า แทบจะทุกสิ่งมีชีวิต ทั้งพืช สัตว์ แมลง และมนุษย์ ล้วนต้องปรับตัวที่จะอยู่ในสภาพความเป็นจริงให้ได้ มนุษย์เราไม่รู้สึกทุกข์ทน รังเกียจรูปลักษณ์ของเรา มนุษย์เราไม่รู้สึกทุกข์ใจกับความเป็นอยู่บางประการของเรา มนุษย์เราเกิดลืมตาดูโลกมา โลกจะค่อยๆป้อนข้อมูลต่างๆในสิ่งรอบตัวของเราและในสิ่งที่เราอยู่ในสิ่งที่เราเป็น ให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่ร่วม ได้อย่างปรกติและเคยชิน โลกสอนให้เรารู้ว่าเรามีเพียงสองขา สองมือ เราบินไม่ได้เหมือนนก เราสายตาไม่ยาวไกลเหมือนอินทรีย์ เราอาศัยอยู่ใต้น้ำไม่ได้ เรามีการหิว เรามีการขับถ่าย เรามีการป่วยไข้ เรามีสิ่งปฏิกูล ฯลฯ เราค่อยๆเรียนรู้ขีดจำกัดและความเป็นจริงของเรา อย่างไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาน่าทุกข์ร้อนอะไร เราล้วนเติบโตมาอย่างผ่านการเข้าใจยอมรับสิ่งที่เป็น ในความเป็นจริง ต่างๆนาๆ เราชินต่อวิถีของความเป็นมนุษย์ แต่………………. หากเป็นเรื่องใด ที่มนุษย์ไม่เคยมองเห็นความเป็นจริง…