การฝึกเจริญสติ

การฝึกเจริญสติ   อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  อนาคตคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อดีตคือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่บรรเทาสิ่งที่ดีด้วยสิ่งในปัจจุบันได้ อนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ทำให้ดีขึ้นได้หาก เราให้ความตั้งใจในปัจจุบัน   หากคุณต้องการที่จะทำชีวิตของคุณให้ดีที่สุด นั่นก็คือคุณจะต้องให้สมาธิมาอยู่ที่ปัจจุบัน การเห็นสิ่งต่างๆในปัจจุบันได้มากที่สุด นั่นก็คือการเปิดวิสัยทรรศ การมองเห็นองค์ประกอบต่างๆได้มากที่สุดอย่างมีสมาธิที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น อีกทั้งการเจริญสติจะทำให้จิตของคุณเข้าสู่ภาวะรับรู้ สภาวะของโลกแห่งความเป็นจริงได้มากขึ้น ควบคุมจิตใจได้ดีขึ้น ปล่อยวางหรือผ่อนปรนความทุกข์ได้   การฝึกฝนเจริญสตินั้นสามารถฝึกฝนได้ในทุกเวลาและทุกอริยาบถ ซึ่งให้ประสิทธิภาพมากน้อยต่างกันไป เวลาที่คุณประกอบกิจวัตรประจำวัน ให้ตั้งจิตฝึกฝน เริ่มจากการสังเกตุ ถึงสิ่งต่างๆในปัจจุบัน ไม่ว่ารูปรสกลิ่นเสียง สิ่งที่ได้ยิน และสิ่งที่มองเห็น การฝึกในขั้นแรกเริ่มคืออาศัยการเตือนสติตัวเองด้วยการกล่าวถ้อยคำในจิตใจ เช่น คุณได้ยินเสียงนก คุณก็บอกตัวเองว่าเสียงนก  คุณเห็นอะไรได้ยินอะไรบอกตัวเองไปเรื่อยๆ คุณกำลังยืนตรงหรือคุณกำลังงอเข่า…

การฝึกฝนจิตวิญญาณ

การฝึกฝนจิตวิญญาณ จิตวิญญาณ ก็คือสิ่งที่เป็นความรู้สึกเป็นความคิดเป็นอุปนิสัย เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดร่าง ร่างหนึ่งที่มีอยู่ในกายที่มีเนื้อหนังหุ้มห่อกระดูกและอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย จิตวิญญาณมิใช่เป็นเพียงอุปนิสัยเท่านั้น แต่จิตวิญญาณยังประกอบไปด้วย  ประสาทการรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึก และเซ้นส์ฯลฯ ที่ประกอบเป็นร่างภายในที่ควบคุมกายเนื้อหนัง ในสังคมเรามีจิตวิญญาณอยู่หลายชนิด  เช่น จิตวิญญาณของนักสู้  จิตวิญญาณของนักกีฬา จิตวิญญาณของครู จิตวิญญาณของหมอ จิตวิญญาณของความเป็นพ่อเป็นแม่คน และอีกมากมายหลายชนิดฯลฯ มีนักกีฬามากมายที่ไม่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของนักกีฬา มีครูที่ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณของความเป็นครู เป็นหมอ  เป็นพ่อเป็นแม่ฯลฯ จิตวิญญาณคือสภาพของตัวตนทางวิญญาณ ที่หล่อหลอมขึ้นจากการอบรมสั่งสอน หล่อหลอมขึ้นจากประสบการณ์ชีวิต หล่อหลอมจากอุปนิสัย หล่อหลอมขึ้นจากความรู้ หล่อหลอมจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต จิตวิญญาณสำคัญอย่างไร? จิตวิญญาณคือสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณยืนหยัดได้ในหลายสถานการณ์ เช่น หากคุณเป็นคนที่มีจิตวิญญาณของนักสู้ คุณจะไม่อ่อนแอคร่ำครวญร่ำร้องง่ายๆ…

การเพ่งมองจิตใจทุกข์เศร้า ให้มองเห็นเป็นสารเคมี

การเพ่งมองจิตใจทุกข์เศร้า ให้มองเห็นเป็นสารเคมี   หลักวิธีการเพ่งมอง รูปของอารมณ์ความคิดและจิตใจเป็นสารเคมีนั้น  คือหลักวิธีที่มีประสิทธิภาพมากและเข้าสู่สภาวะการมองเห็นความเป็นจริงในอีกด้านได้มากขึ้น วิธีการนี้นั้นก็คือ  คุณต้องฝึกมองเห็นจริง ในภาวะของมนุษย์ มนุษย์ที่มีความคิดอ่าน มีความรู้สึกเศร้าเสียใจดีใจ มีอารมณ์ต่างๆ  ระบบของร่างกายก็จะเกิดภาวะต่างๆขึ้น เช่นการหลั่งสารเคมีในประสาทสมอง การมีคลื่นไฟฟ้า การปรับเปลี่ยนสภาวะทางเคมี เวลาที่คุณเศร้ากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่กำลังกลัดกลุ้มปวดใจมากๆ โดยปรกติแล้วมนุษย์เรามักจะ ใช้ระบบความคิดต่างๆเข้าจัดการกับระบบความคิดของตัวเอง เช่นการใช้เหตุผลต่างๆในด้านบวก  การใช้คำพูดปลอบใจ การใช้คำพูดหรือความคิดในเชิงให้กำลังใจตนเองเหล่านี้เป็นต้น สิ่งนี้เรียกว่ากระบวนการแก้ไขตามวงจรความคิดของมนุษย์ แต่หากคุณเลือกการบำบัดด้วยการฝึกมองรูปอารมณ์ ให้เห็นเป็นสารเคมีด้วย ก็จะช่วยให้คุณบำบัดจิตใจตนเองได้เร็วขึ้น วิธีก็คือในขณะที่คุณกำลัง กลัดกลุ้มใจ ให้คุณลองสงบใจจากเรื่องราวต่างๆสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลับตาตั้งสมาธิสังเกตุอาการของตนเอง โดยมองให้เห็นเป็นรูปอารมณ์ ว่ามันมีรสชาติอะไร มันหวิวๆ หรือ?  มันวูบวาบตรงไหน? …

การสัมผัสรูปอารมณ์ให้คมชัด

การสัมผัสรูปอารมณ์ให้คมชัด   โดยปรกติเวลาที่คนเราทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน  สมองและประสาทการรับรู้ของเราต้อง แบ่งไปใช้กับความสนใจในหลายๆเรื่อง และต้องเผชิญกับสิ่งที่เข้ามาทำปฏิกริยากับรูปอารมณ์หลายๆสิ่ง ในสภาวะนี้ ผู้ที่มีปมแผลในจิตใจ หรือยังมีความสับสนอยู่ในจิตใจ มีเรื่องราวมากมายที่เข้าใจผิดๆถูกๆ มีเรื่องราวที่เจ็บปวด หรือเรื่องเครียดเรื่องแค้น หรือกลุ้มอกกลุ้มใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม หากอาการดังกล่าวเหล่านี้ถือเป็นโรคเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง  นั่นก็ถือเป็น เชื้อไวรัสชนิดที่ชอบที่สุดที่จะแทรกซึมโจมตีและขยายตัวแพร่พัณธ์ ในร่างของคนที่ไม่มีสมาธิและไม่มีเวลาที่จะจัดการกับสภาพจิตใจของตนเองอย่างจริงจัง และมันจะลุกลาม นับวันนับขยาย ก่อปมเป็นแผลที่ขยายเรื่อยๆกัดกินใจคุณ และกลายเป็นรูปอารมณ์ที่ก่อตัวอัดอั้นขึ้นมากทุกวัน บางทีแล้วหากคุณตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เริ่มรู้ตัวว่า ตัวเองเริ่มหนักขึ้นทุกวัน หรือเรื้อรังวนเวียนไม่หายสักที ส่งผลเสียต่องานการภาระกิจและวิถีชีวิตประจำวัน รวมถึงสุขภาพ คุณต้องตระหนักประการแรกเลยว่า คุณคือคนป่วย จงย้ำให้แน่นหนักว่า คุณเป็นคนป่วยที่ต้องการ การรักษา  คุณมีอาการที่คนภายนอกมองไม่เห็น และเป็นความป่วยที่จะลุกลามขึ้นเรื่อยๆตราบที่คุณไม่ให้เวลากับการรักษาตัวเอง การสัมผัสรูปอารมณ์ให้ชัดเจน…