เข้าใจสภาวะภายในที่เกิดขึ้นของผู้ป่วย การทำความ เข้าใจสภาวะของผู้ป่วย หรือผู้ที่มีอาการซึมเศร้าทางจิตใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ความรู้สึกและอาการต่างๆภายในจิตใจนั้นมันเป็น เรื่องที่บุคคลภายนอกยากมองเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ตัวหนังสือหรือคำพูดไม่สามารถบรรยายให้เข้าใจได้ในหลายส่วน บางเรื่องต้องเคยมีประสบการณ์จึงจะเข้าใจ บางเรื่องแม้เคยมีประสบการณ์แต่ก็สูญเสื่อมความรับรู้ที่คมชัดไปแล้ว และด้วยเหตุที่ขาดความเข้าใจถึงภาวะเหล่านี้ นั้นอาจทำให้เราละเลยคนรอบข้างของเรา หรือแม้แต่เลวร้ายถึงขั้น ที่บางคนถูกคนรอบข้างทำร้ายจิตใจ ให้สะเทือนไม่สิ้นไม่สุด หรือถูกปั่นหัวอย่างคึกคะนอง หรือถูกความชินชาหรือแม้แต่รำคาญ เข้าทำร้ายจิตใจ จนเข้าสู่ภาวะวิกฤติได้ อันเนื่องมาจากผู้กระทำ ขาดความเข้าใจถึงสภาพภายในอันแท้จริงว่ามันเป็นอย่างไร หากคุณเป็นบุคคลภายนอกที่มีความประสงค์ดีและอยากทุ่มเทเสียสละเวลา มาช่วยให้คนๆหนึ่งหลุดพ้นฟื้นขึ้นมาได้จากโรคซึมเศร้า คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงภาวะที่เกิดขึ้นกับคนที่ตกออยู่ในภาวะเครียดซึมเศร้า สิ่งที่คุณควรจำเป็นต้องเรียนรู้พื้นฐานนั้นมีดังนี้ 1.คนที่ตกอยู่ในภาวะ คร่ำเคร่งสมองและจิตใจตนเองเรื้อรังสะสมมาหลายวัน คนเหล่านี้จะมีสภาพประสาทสมองที่ล้าและตีบแคบ บางทีไม่สามารถเข้าใจเรื่องง่ายๆได้ และบางทีอาจทำตัวแบบคนโง่งม จนอาจเป็นที่หมั่นไส้ของคนพบเห็น ซึ่งขอให้จำไว้ให้ดีว่า เราจะเอาสภาพปรกติที่สมองสมบรูณ์แจ่มใสของตัวเรา ไปตัดสินเขาไม่ได้ เราต้องเข้าใจสภาพทางเคมี ในตัวของผู้ป่วยทางจิตใจ …
การเพ่งมองจิตใจทุกข์เศร้า ให้มองเห็นเป็นสารเคมี หลักวิธีการเพ่งมอง รูปของอารมณ์ความคิดและจิตใจเป็นสารเคมีนั้น คือหลักวิธีที่มีประสิทธิภาพมากและเข้าสู่สภาวะการมองเห็นความเป็นจริงในอีกด้านได้มากขึ้น วิธีการนี้นั้นก็คือ คุณต้องฝึกมองเห็นจริง ในภาวะของมนุษย์ มนุษย์ที่มีความคิดอ่าน มีความรู้สึกเศร้าเสียใจดีใจ มีอารมณ์ต่างๆ ระบบของร่างกายก็จะเกิดภาวะต่างๆขึ้น เช่นการหลั่งสารเคมีในประสาทสมอง การมีคลื่นไฟฟ้า การปรับเปลี่ยนสภาวะทางเคมี เวลาที่คุณเศร้ากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่กำลังกลัดกลุ้มปวดใจมากๆ โดยปรกติแล้วมนุษย์เรามักจะ ใช้ระบบความคิดต่างๆเข้าจัดการกับระบบความคิดของตัวเอง เช่นการใช้เหตุผลต่างๆในด้านบวก การใช้คำพูดปลอบใจ การใช้คำพูดหรือความคิดในเชิงให้กำลังใจตนเองเหล่านี้เป็นต้น สิ่งนี้เรียกว่ากระบวนการแก้ไขตามวงจรความคิดของมนุษย์ แต่หากคุณเลือกการบำบัดด้วยการฝึกมองรูปอารมณ์ ให้เห็นเป็นสารเคมีด้วย ก็จะช่วยให้คุณบำบัดจิตใจตนเองได้เร็วขึ้น วิธีก็คือในขณะที่คุณกำลัง กลัดกลุ้มใจ ให้คุณลองสงบใจจากเรื่องราวต่างๆสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลับตาตั้งสมาธิสังเกตุอาการของตนเอง โดยมองให้เห็นเป็นรูปอารมณ์ ว่ามันมีรสชาติอะไร มันหวิวๆ หรือ? มันวูบวาบตรงไหน? …
การรู้ทันรหัสเริ่มแรกของความคิดที่จะชักนำสู่ความฟุ้งซ่าน เมื่อคุณได้ทำการรักษาจิตใจตัวเองได้ในระดับนึงแล้ว สิ่งที่เหลือที่คุณอาจยังจะต้องเผชิญต่อ นั่นก็คือภาวะฉุกคิด เผลอตัวและซึมเศร้าได้ในบางเวลา บางคนถูกเรื่องราวในอดีตคอยตามหลอกหลอน คอยตามทำร้ายจิตใจเป็นพักๆ แม้ว่าจะทำใจลืมได้ช่วงระยะเวลานึงแต่ก็ มักมีลักษณะของจิตใจย่ำแย่วนเวียนแวะมาเป็นพักๆ การสกัด รู้เท่าทันภาวะเริ่มแรกของจิตใจที่กำลังจะปรับเข้าสู่ความเป็นทุกข์ใจในลักษณะนี้นั้น ถือเป็นวิธีที่ผู้ใช้ต้องมีความชำนาญในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ยากเกินไปนัก ขอเพียงต้องมีความตั้งใจฝึกฝนตนเอง ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจถึงลักษณะ ของการเข้าสู่ภาวะของจิตใจที่เป็นทุกข์ก่อน ลักษณะของคนทั่วไปนั้นก่อนที่จะเริ่มกระบวนการย้อนคิด คิดถึงเรื่องกลุ้ม หรือคิดในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ มันจะมีการรวบรวมองค์ประกอบเล็กๆละเอียดๆ จากนั้นค่อยๆฟุ้งซ่านเพิ่มขึ้นก่อตัวมากขึ้น จนนำสู่ภาวะซึมเศร้า อย่างเช่นการได้ไปเห็นบางสิ่ง ที่สะกิดใจให้ฉุกคิดถึงความหลัง หรือการได้เห็นบางอย่างที่ สะท้อนถึงตัวเอง หรือการได้สัมผัสบรรยากาศบางอย่างที่นำสู่ความนึกถึง หรือแม้แต่บางครั้งสมองของคนเราก็นำความคิดมาให้ดื้อๆแบบไร้เหตุไร้ผลเลยก็มี ดังนั้น ทุกครั้งที่คุณเผลอทำให้ความรู้สึกนึกคิดในความหลังความเก่า…
ทุกข์เพราะนิสัย มุมมองความคิด บทนี้เราจะมากล่าวถึงความทุกข์ใจ ในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้าอันมีสาเหตุของนิสัยเป็นสาเหตุใหญ่ เชื่อหรือไม่ว่ามีคนในโลกนี้มากมายหลายล้านคน ที่จมอยู่กับทุกข์ ในเรื่องบางเรื่องที่ มีบ่อเหตุแห่งความทุกข์มาจากนิสัยตน โดยไม่เคยฉุกใจคิดว่าบ่อเหตุสำคัญ ของความทุกข์มันมาจากอุปนิสัยของตนที่ถือว่ามีส่วนเป็นอย่างมาก ผู้คนโดยมากเวลาบังเกิดความทุกข์จากการสูญเสียหรือความไม่สมหวัง มักจะอาลัยอาวรและคร่ำครวญหา ย้ำนึกย้ำคิดอยากจะต้องการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืน หรืออยากจะให้สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจนั้นได้สมดั่งใจ อาการแบบนี้จะทำให้ซึมเศร้าเป็นเอาหนักเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน จิตใจหมดเรี่ยวแรงและเอาแต่เหม่อลอย บ้างก็เฝ้าโทษสิ่งนั้นเฝ้าโทษสิ่งนี้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องสูญเสียหรือไม่สมหวัง แท้ที่จริงแล้ว อาการทุกข์ใจในบางเรื่องในบางกรณีนั้น ถือเป็นกรณีที่ ต่อให้ค้นหาคำปลอบใจล้านคำ ค้นหาข้อคิดล้านข้อคิด ก็ไม่อาจช่วยได้เลย หากคนผู้นั้นยังมองไม่เห็นตัวเอง หรือยังดื้อดึงไม่ยอมเปลี่ยนนิสัย คนบางคนต้องทุกข์เพราะความเย่อหยิ่งทระนง คนบางคนต้องทุกข์เพราะต้องการอยู่ในจุดที่เด่นเหนือผู้คน คนบางคนต้องทุกข์เพราะเอาแต่ใจ ต้องได้ในสิ่งที่อยากได้ คนบางคนต้องทุกข์เพราะไม่ยอมรับความเป็นจริง และยึดติดนิสัยที่ยึดติดต่อวิถีชีวิตที่ชอบอยู่ในโลกลวงๆ โลกปรุงแต่งโลกสีสัน ที่ไม่จีรัง…
ควรปล่อยให้ผู้ป่วยได้อยู่คนเดียวบ้าง แน่นอนว่าการคอยอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยซึมเศร้า และไม่ควรปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพังนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่าบางจังหวะของเวลา คุณก็ควรที่จะให้เขาได้อยู่กับตัวเองบ้างเพื่อมีสมาธิที่จะเข้าใจตัวของเขาเอง สิ่งที่ผู้ดูแลหรือญาติพี่น้องข้างเคียงควรทำนั่นก็คือ การคอยให้คำชี้แนะเตือนสติและให้ความรู้ให้ปัญญากับเขาเป็นระยะๆ แต่ต้องเปิดเวลาให้เขาได้ใช้ปัญญาเหล่านั้นด้วยตนเอง เฝ้าดูเขาในลักษณะที่ไม่ให้ถึงกับเป็นการลำพังแต่ก็มิใช่เป็นการรบกวนเขาจนเกินไป เฝ้าดูเขาห่างๆแต่อยู่ในระยะที่มองเห็นสามารถเข้าป้องปรามเหตุร้ายต่างๆได้ทันท่วงที อาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า นั้นแตกต่างจากการซึมเศร้าธรรมดาทั่วไป การซึมเศร้าธรรมดาทั่วไป อาจใช้วิธีที่คนรอบข้างเข้ามารุมมาช่วยกันทำให้ผู้ซึมเศร้า ลืมความทุกข์เศร้าไปได้ ด้วยการพยายามช่วยกันทำให้เขาสนุกสนาน สร้างความครึกครื้นให้เขา นำความบันเทิงต่างๆมาให้เขาหรือชวนเขาไปเที่ยว เหล่านี้เป็นต้น แต่ทว่าสำหรับคนที่เป็นถึงขั้นโรคซึมเศร้า นั้นจะมีรูปแบบของโครงสร้างที่ซับซ้อนและฝังลึกในปมของจิตใจ แม้ว่าผู้ป่วยจะถูกภาวะของความครึกครื้นรุมล้อม แต่จิตของเขาจะยังคงคิดอย่างไม่หยุดยั้ง และยิ่งถูกรบกวนยิ่งสับสน ยิ่งสับสนยิ่งเครียดและสมองยิ่งล้า เขาจะใช้งานประสาทสมองหนักมาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นจะมีระดับขั้นต่างๆ หากอยู่ในระดับที่ซักซ้อมความคิดเรื่องทุกข์เศร้า วนเวียนย้ำคิด แบบนี้ไม่ควรปล่อยให้อยู่ลำพัง แต่สิ่งที่ต้องทำคือต้องรีบชี้แนะเขา บำบัดรักษาเขาด้วยกระบวนวิธีที่ถูกต้อง จากผู้รู้ผู้ที่มีความเข้าใจ จงระลึกไว้เสมอว่า อาการทางจิตคือสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าภายนอกไม่เห็น…
จงฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์ การฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์นั้นก่อนอื่นต้องแยกให้ออกก่อนว่า มิใช่หมายถึงการเป็นคนเอาแต่รักสนุกเหลวไหล และเกียจคร้านไม่ยอมเผชิญกับงานหนักหรือภาระหน้าที่สำคัญใดที่ต้องเจอความทุกข์ การฝึกในที่นี้หมายถึงการฝึกรักที่จะมีความสุขในเวลาและกาละที่เหมาะสม มีสุขกับสิ่งที่งดงามสะอาดบริสุทธิ์ และมีค่า มิใช่มักมากในสิ่งสนุกในทางที่ทำลายคุณค่าของตนเอง และจงเกียจคร้านที่จะทุกข์กับสิ่งที่ไม่ควรจะไปทุกข์ เชื่อได้ว่าหลายๆคนที่กำลังตกอยู่ใน โรคซึมเศร้า ทำความรู้สึกหลายประการหายไปนั้น ชีวิตของคุณน่าจะคงเคยสัมผัสมาแล้ว กับสภาพของจิตใจของตัวเองในอดีต ที่เคยเป็นคนรักสนุกรักอะไรง่ายๆสบายๆ และเกียจคร้านที่จะคิดเรื่องความเครียดความทุกข์ให้ยุ่งยาก และในขณะที่วันนี้คุณหมองเศร้า ไม่สามารถที่จะจับอารมณ์แบบนั้นได้เลย หรือได้ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ทำไปก็วนเวียนกลับมาซึมเศร้าใหม่ คุณยังคงไม่ใส่ใจสนใจที่จะจริงจังกับการบำบัดความรู้สึกกระตุ้นต่อมความรู้สึกของตัวเอง เท่าที่ควร และคุณอาจจะแอบหวังลึกๆว่าสักวันอาการซึมเศร้ามันคงจะหายไปเอง และคุณจะกลับไปเป็นคนที่ร่าเริงปรกติได้เอง แม้ว่าคุณจะเฝ้ารอแล้วเฝ้ารอเล่าแต่มันก็ไม่ได้สักที หากคุณคิดแบบนี้ล่ะก็ นับว่าอันตรายมาก ที่ว่าอันตรายก็คือ คนเรานั้นจะมีต่อมรับรสความสุข ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่มหัศจรรย์มากๆของมนุษย์ ซึ่งมันสามารถรับรู้รหัสที่ละเอียดยิบปลีกย่อย และรวดเร็ว…
การตัดสินใจชั่ววูบที่พลั้งพลาดคืออะไร? การตัดสินใจชั่ววูบ ที่พลั้งพลาดคือการใช้อารมณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ อันมีใช่มาจากนิสัยจิตใจหลักของตัวเรา และพลาดพลั้งปล่อยให้มันก่อเรื่องต่างๆหรือกำหนดเส้นทางชีวิต อารมณ์ชั่ววูบที่พลั้งผิดนั้นมีอยู่หลากหลายแบบ อย่างเช่น การฆ่าตัวตาย ,การทำร้ายคนอื่น, การทำลายสิ่งของ ,การพูดทำร้ายน้ำใจ ,การพูดในสิ่งผิด การเผลอแสดงอาการที่ไม่ใช่วิสัยปรกติ ฯลฯ อารมรณ์ชั่ววูบที่มักเกิดขึ้นกับผู้คนทั่วไป โดยมากมักเกิดขึ้นจาก ,อาการโกรธ, โมโห ,ขาดสติ , อาการดีใจเสียใจสุดขีด ,อาการกลัวสุดขีด ,และอาการหลงใหล, อาการอยากจนหน้ามืดมัวเมา ซึ่งโดยมากแล้ว ภาวะครอบงำเหล่านี้มักเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ แต่สำหรับอาการซึมเศร้า ที่ถึงขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ภาวะอารมณ์ชั่ววูบก็สามารถแฝงได้ในระยะนานๆเป็นเดือนหรือเป็นปี คนที่ซึมเศร้าบางคน มักท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก, ตัดโอกาสชีวิต, สลัดทิ้งหลายๆสิ่ง ,ประชดชีวิตทำลายสิ่งที่มี,หรือตัดสัมพัณธ์กับผู้คนที่แสนดีกับตัวเรา ทำร้ายน้ำใจคนรอบตัวเรา…