เข้าใจความเป็นจริงของที่อยู่แห่งชีวิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ได้

เข้าใจความเป็นจริงของที่อยู่แห่งชีวิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ โลกเรานั้น จะสังเกตุได้ว่า แทบจะทุกสิ่งมีชีวิต ทั้งพืช สัตว์ แมลง และมนุษย์ ล้วนต้องปรับตัวที่จะอยู่ในสภาพความเป็นจริงให้ได้ มนุษย์เราไม่รู้สึกทุกข์ทน รังเกียจรูปลักษณ์ของเรา มนุษย์เราไม่รู้สึกทุกข์ใจกับความเป็นอยู่บางประการของเรา มนุษย์เราเกิดลืมตาดูโลกมา โลกจะค่อยๆป้อนข้อมูลต่างๆในสิ่งรอบตัวของเราและในสิ่งที่เราอยู่ในสิ่งที่เราเป็น ให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่ร่วม ได้อย่างปรกติและเคยชิน โลกสอนให้เรารู้ว่าเรามีเพียงสองขา สองมือ เราบินไม่ได้เหมือนนก เราสายตาไม่ยาวไกลเหมือนอินทรีย์ เราอาศัยอยู่ใต้น้ำไม่ได้ เรามีการหิว เรามีการขับถ่าย เรามีการป่วยไข้ เรามีสิ่งปฏิกูล ฯลฯ เราค่อยๆเรียนรู้ขีดจำกัดและความเป็นจริงของเรา อย่างไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาน่าทุกข์ร้อนอะไร เราล้วนเติบโตมาอย่างผ่านการเข้าใจยอมรับสิ่งที่เป็น ในความเป็นจริง ต่างๆนาๆ เราชินต่อวิถีของความเป็นมนุษย์ แต่………………. หากเป็นเรื่องใด ที่มนุษย์ไม่เคยมองเห็นความเป็นจริง…

อู๋เหวย แนวทางแห่งเต๋า ธรรมชาติบรรเทาทุกข์

 อู๋เหวย  คือชื่อของหลักปฏิบัติจิต ในแนวทางของลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นลักษณะปฏิบัติ ที่ อยู่ในความเรียบง่ายและเข้าร่วมกับธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยอาศัยการหลีกเลี่ยงการครุ่นคิดกำหนดแบบแผนเป้าหมายอันใดที่เคร่งเครียด ไตร่ตรองยุ่งยากซับซ้อน เกินไป อู๋เหวย มิใช่การนิ่งเฉย ปล่อยปละชีวิต ไม่ทำอะไรเลย  แต่เป็นความที่จิตมีสภาวะที่  อ่อนน้อม ไม่แทรกแซงบังคับ และไม่ใช่การกระทำที่ยืนกรานอะไรบางอย่าง  ในเชิงที่ขัดแย้งต่อธรรมชาติมากเกินไป เป็นหลักที่สนับสนุนให้ มนุษย์ปฏิบัติต่อสรรพสิ่ง มีความอ่อนน้อมกลมกลืนและให้เกรียติต่อความเป็นธรรมชาติ โดยเชื่อว่าการใดก็ตาม ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้มากที่สุด การนั้นส่งผลต่อพลังที่มีค่าและนำมาซึ่งความสงบสุข หากเราปรับหลักแนวทางนี้มาใช้กับ วิถีทางโลกของสามัญชนทั่วไป เราจะพบว่า เรื่องหลายเรื่องนั้น มนุษย์ทุกข์เข็ญเหนื่อยยาก บ้างจมอยู่ในความเศร้า เป็นเพราะเราปลูกฝังจิตให้ขัดแย้งต่อธรรมชาติ มีหลากหลายเรื่องนานับประการที่ มนุษย์ต้องการฝืนธรรมชาติ และเมื่อเกิดความไม่เป็นดั่งใจก็กลายเป็นความทุกข์ การยอมรับที่จะให้เวลาแก้ไขปัญหา…

กลับไปเป็นตัวของตัวเอง เรียกพลังในวันเก่ามาช่วยฟื้นฟู

กลับไปเป็นตัวของตัวเอง เรียกพลังในวันเก่ามาช่วยฟื้นฟู by themenofpen คนเราโดยทั่วไปแล้ว ช่วงชีวิตตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ย่อมที่จะมีบ้างสักครั้งหรือหลายครั้งในชีวิต ที่เคยได้สัมผัสกับคืนวันที่มีพลังรู้สึกเป็นสุขใจ ลองตั้งสติทบทวน ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต มีตอนไหนบ้าง ที่ตนเองเคยมีอุปนิสัย หรือมีความคิดจิตใจบางอย่าง ที่เคยมีพลัง  มากกว่านี้ เคยแจ่มใสเคยมีนิสัยที่ไม่นำพาต่อความทุกข์ แม้จะเป็นความทุกข์ในแบบที่เจอในวันนี้ก็ไม่หวั่นไหว วันคืนที่ตนเองเคยมีความสบายใจ มีความสามารถ มีประสาทสัมผัสมองเห็นโลกด้วยอรรถรสที่ดีเยี่ยม หรือมีอะไรก็ตามที่คุณชอบตัวเองในแบบวันวาน อยากไหม?  อยากที่จะกลับไปเป็นคนแบบนั้นอีกให้ได้ อยากจะโยนทิ้งคืนวันร้ายๆในวันนี้แล้วกลับไปเป็นตัวตนแบบในวันวาน และห้อมล้อมด้วยจิดแห่งการมองเห็นโลกของตัวเองที่เคยมีความสุขกับสิ่งต่างๆ หากคุณพอจะจดจำได้  และหากคุณกำลังเริ่ม  เริ่มมีใจที่อยากจะหวลคืนสู่ตัวตนในวันเวลาเหล่านั้น คุณจงเริ่มตั้งแต่วันนี้ ก่อนอื่น  สิ่งสำคัญที่คุณควรรับรู้นั่นก็คือ คุณมีโอกาสที่จะกลับคืนเป็นตัวของตัวเองที่เคยเป็นได้  แต่นั่นมิใช่สิ่งที่ง่ายเสมอไป ไม่ใช่สิ่งที่จะมาเนรมิตรกันง่ายดั่งใจนึกทันทีทันใด และอาจมีบางคนที่อาจทำความรู้สึกได้ในบางเวลา หลงคิดว่าตัวของตัวเองกลับมาแล้ว…

ความฝืนและความล้ายิ่งเติมความเจ็บปวด

ความฝืนและความล้ายิ่งเติมความเจ็บปวด ภาวะอกหักซึมเศร้ารุนแรงอันเนื่องมาจากเนื้อหาที่เจ็บปวด  บางครั้ง คืนวันที่ผ่านไปยิ่งรู้สึกแย่ทรมาน ผู้คนมากมายมักเข้าใจไปว่า สาเหตุของความทรมานคือเพราะ มาจากเนื้อหาเรื่องราวที่ตนเองพานพบ แต่แท้จริงแล้วยังมีปัจจัยอีกบางประการที่ซ้ำเติมให้ความรู้สึกของคุณยิ่งหดหู่ โดยที่คุณอาจไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีอะไรที่แทรกซึมเข้ามาเพิ่มให้คุณเป็นแบบนี้ คำตอบก็คือ ความเหนื่อยล้า อันเนื่องมาจากความฝืนนั่นเอง ที่เป็นเครื่องปรุงสำคัญที่ยิ่งทำให้คุณรู้สึกหดหู่มากขึ้น และมนุษย์มักไม่ค่อยจะรู้ตัวเองซะด้วยในภาวะที่ตนเอง กำลังตรากตรำฝืนล้าร่างกายตนเองไปมากเพียงใด โดยเฉพาะในช่วงชีวิตวันเวลาที่ใช้ไป กับการตกอยู่ในภวังค์ จิตใจเลื่อนลอย  ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดยิ่งเวียนวน แทบไม่รู้คืนรู้วันเวลานาที และย่อมที่จะมักไม่รู้ว่าตัวเองตรากตรำร่างกายไปนานเพียงใดแล้ว ร่างกายมนุษย์หากต้อง ถูกสภาวะทรมานสังขาร ตรากตรำในบางสิ่งเรื้อรังยาวนานมากเกินไป โดยเฉพาะกับเรื่องของการอกหัก ที่มีภาพวันวานมากมายชวนให้ตกอยู่ในห้วง ภวังค์แห่งจิต ยิ่งคิดยิ่งหยุดไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งอยากแก้ไข อยากย้อนคืน อยากได้คืน  ยิ่งอยากพยายาม ยิ่งพยายามยิ่งฝืน ยิ่งฝืนยิ่งล้า…

อย่าเกลียดความเป็นจริง ตราบที่ยึดเอาตนเองเป็นที่ตั้งของของความเป็นจริง

อย่าเกลียดความเป็นจริง ตราบที่ยึดเอาตนเองเป็นที่ตั้งของของความเป็นจริง เรื่องที่มีความสุข   เรื่องที่มีความหลงใหล   มนุษย์มักหวลคิดคำนึงถึง สังคมของมนุษย์เรา มีหนัง มีระคร  มีบทเพลง มีกวี    ล้วนแล้วมากมายที่มักกล่าวถึงการพรรณาถึงความสุข แต่ทว่า ความปรุงแต่งของจิตใจ อันสามารถจินตนาการได้เลิศล้ำของมนุษย์นั้นก่อให้เกิด เรื่องราวบทประพัณธ์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาของความสุขล้นปรี่ขึ้นมาอย่างมากมาย และสารพัดบทประพัณธ์ สารพัดบทเพลงและบทกวี ที่เต็มเปี่ยมจนจินตนาการสุดไกล  ห่างเกินความเป็นจริง แต่กระนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้คน เด็กเล็กจนโต คุ้นเคยกับชีวิตที่รายล้อมด้วยบทเหล่านั้น ไม่ว่าเสียงเพลง หรือแม้แต่ภาพงดงาม บ่มเพาะจนสับสนเกินกว่าจะมองเห็นความเป็นจริง และเมื่อมนุษย์ได้มีโอกาสเข้าใกล้หรือสัมผัสและเป็นผู้ดำเนินเรื่องราว ด้วยตัวเอง ดั่งเดียวกันกับบทจินตนาที่เคยผ่านการรับรู้ อย่างเช่นความรักและความครอบครอง ความติดนิสัยที่ปักใจ ปรุงแต่ง คาดหวังถึงความสวยงามของชีวิต ความงดงามของโลก ถักทอเรื่องราวเอาไว้อย่างคาดหวังให้ยิ่งใหญ่มหาศาลจับใจ …

ยิ่งทระนงยิ่งไม่ยอมรับตัวเอง จะยิ่งหลงทาง

ยิ่งทระนงยิ่งไม่ยอมรับตัวเอง จะยิ่งหลงทาง อาการทระนง และไม่ยอมรับความอ่อนแอของตนเองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน หลายสิ่งหลายอย่างภายในจิตใจทั้งที่รู้ตัวเองอยู่ลึกๆและทั้งที่ไม่รู้ตัวเองไม่ยอมรับตัวเองนั้น ในคืนวันแรกที่คนเราเสียใจ  มักจะปากแข็งใจแข็งไม่ยอมรับอาการต่างๆในจิตใจตนเอง และคนอกหักในระยะเริ่มแรกที่ยังสับสน ก็มักจะเป็นแบบนี้ ไม่อยากมองเห็นตัวเองแพ้ไม่อยากมองเห็นตัวเองอ่อนแอ ไม่อยากมองเห็นตัวเองหวั่นไหว แต่ในที่สุดความเก็บกดของคืนวันแสะสถานการณ์ที่มากขึ้น มันมักจะทำให้ผู้คนยอมแพ้ที่จะเผยความเป็นจริงออกมา หลายคนที่กลั้นน้ำตาอยู่นานพอสกัดไม่อยู่กลับกลายเป็นอ่อนแออย่างมากมาย ราวกับคนขวัญเสีย กลับกลายเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนอย่างหนักควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ แท้จริงแล้ว การแสดงออกมาถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเรา นั้นคือหนทางที่เกิดประโยชน์ในการแก้ไขบำบัดเยียวยาจิตใจ เพราะหากเราปิดบัง ภาวะอาการทั้งหมดภายในจิตใจนั้นย่อมไม่เกิดการแก้ไขรักษา รวมถึงการเรียนรู้เข้าใจ และที่สำคัญ หากว่าตัวเรายอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะสามารถจัดการกับอาการเริ่มแรกนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นแบบแผนขั้นตอน เช่นว่าเรารุ้ตัวเองว่าเราแคร์ในสิ่งใดและเรายอมรับตัวเอง เราก็จะได้โอกาสที่จะสอนตัวเองให้เรียนรุ้ที่จะทำใจและปรับทัศนคติใหม่   แต่หากเราไม่ยอมรับตัวเองแล้วล่ะก็ สิ่งต่างๆจะสะสมอยู่มากมายและอัดอั้นระเบิดออก อารมณ์สารพัดที่ซับซ้อนจะพรั่งพรูออกมา อย่างรับมือได้ยากขึ้นมาก และเสียใจหนัก หากคุณกำลังเริ่มรู้สึกสับสนและกำลังเผชิญกับอาการอกหักในระยะแรก จงรีบสังเกตุตัวเองด้วยความเป็นจริงและตามติดคอยช่วยเหลือจิตใจของตนเองทุกระยะ แต่ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่าการเผยออกมานั้น…

ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง

ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง หลักคิดนี้ สะท้อนถึง ในยามที่ตัวเรานั้นทุกข์ เราลองพิจารณาดูว่าแท้จริงเราทุกข์กับเรื่องอะไร ความสูญเสียหรือความไม่สมหวังต่ออะไร สิ่งเหล่านั้นมีค่าแท้จริงให้คนเรามัวเมาทุกข์ต่อสิ่งนั้น ดีหรือ? มนุษย์เรายามมีเรี่ยวแรงแจ่มใส มักอยู่กับความฝันความหวัง ดิ้นรนแข่งขัน ไขว่คว้า เงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง และสารพัดเรื่อง เสน่ห์หาอัตตาปรุงแต่งมากหลาย บรรเลงห้อมล้อมห้วงคำนึง ครอบคลุมทุกโสตประสาท ความอยากความต้องการ นั้นวิ่งไปดั่งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หยุดไม่อยู่วนเวียนไม่ยั้ง ดั่งระอุตลอดเวลาด้วย เสียงเพลงชักจูง ให้เพลิดเพลินไร้พื้นที่จิตคลุกคลีอื่นใด นานวันครอบงำสิ้นสายตาไม่เห็นดวงจิตไม่เห็นสัมผัสไม่เห็น ความเป็นจริงที่ถ่องแท้ ตราบจนวันประสบเหตุ ล้มป่วย ตะลึงรู้ ระครอุปโลกษณ์ปิดฉากมีอยู่จริง มนต์เพลงดับเงียบเสื่อมคลาย เมื่อนั้นฉากแท้จริง แห่งโลกความเป็นจริงค่อยเปิดออกให้เห็น…

ทางเลือกต่างๆในการรักษาอาการเครียด

ทางเลือกต่างๆในการรักษาอาการเครียด   ในยามที่ชีวิตของคุณต้องถูกภาวะซึมเศร้าหดหู่เข้าเล่นงาน จากที่คุณต้อง ทุกข์ทนอยู่กับมัน ไม่ว่าคุณอาจจะท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก จนในวันหนึ่งที่คุณเริ่มรู้สึกตัวและเข้าสู่ความรู้สึก ที่อยากจะรักษาอาการทางจิตใจของตนเองให้หาย อยากหลุดพ้นออกจากความทุกข์ทรมานขมขื่นนี้ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่คุณจะมองหา นั่นก็คือหนทางวิธี และผู้ที่สามารถช่วยรักษาอาการของคุณได้ หากวันนี้คุณกำลังมีคำถามอยู่ว่า จะปรึกษากับใครดี? คุณต้องทำความเข้าใจว่า หนทางในการช่วยเหลือคุณได้นั้น มีอยู่หลายทาง  แต่ละทางเป็นทางเดินที่ให้แง่มุมและผลที่แตกต่างกัน แต่ทว่า บางเรื่องนั้นก็สามารถปรับร่วมกันได้ อันแต่ละทางนั้นมีลักษณะแตกต่างกันไปดังนี้ 1. รักษาโรคเครียด ด้วยการสอบถามจากผู้รู้ ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์(อย่างแท้จริง)   ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่พี่น้อง หรือเพื่อน ที่เคยเจอภาวะความทุกข์ที่คุณกำลังประสบเหล่านี้และเขาเคยผ่านมันมาได้ สำหรับในวิธีข้อนี้นั้นมีข้อดีก็คือ ความเป็นกันเอง ความสนิทกันของครอบครัวญาติมิตร และการได้พบเจอกันเป็นประจำ จะเป็นภาวะที่สะดวกเป็นอย่างมาก…