เศร้าต่อความโหยหาถึงความสุขที่เคยมี
ความโหยหา ถึงสิ่งในอดีตที่ผ่านไปแล้วนั้น เป็นความเจ็บปวดร้าวในจิตใจ ของใครหลายคน ที่ต้องจมอยู่ในวันคืนที่ซึมเศร้า
บางครั้งมันน่าแปลกเหมือนกัน ว่าความหดหู่เหล่านั้นมาจากอะไรบ้าง?
…
……….
“ความปราถนาสุข” คือองค์ประกอบหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อภาวะการเหล่านั้น
มันช่างน่าแปลกเหลือเกิน
มนุษย์เรา เวลาเห็นความสุข ของผู้อื่น นั้นอาจยังไม่ยึดติดสักเท่าไหร่ แต่ในยามที่ได้มีโอกาสเป็นผู้สัมผัสสุขนั้นๆด้วยตนเองแล้ว ก็มักจะยึดติดและทรมานใจในยามที่มันจากไป
จิตใจที่ซึมซับรายละเอียดของคืนวันที่ผูกพัณธ์ ต่อความสุข ในยามที่มันจากไปแล้วแต่ทว่าอณูความรับรู้ต่อเรื่องราวมันยัง
อยู่ครบ ฟิลลิ่งสัมผัสความรู้สึกยังไม่ยอมจางหาย ยังคมชัดอยู่ในประสาทการรับรู้ มันฝังแน่นยาวนานและใช้เวลาในการจางหายยากเสียยิ่งกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ ภาวะหลังดูหนังเสร็จแล้วยังรู้สึกอินกับหนัง มันฝังแน่นยิ่งกว่าและจางหายยากนานกว่า หลายร้อยหลายสิบเท่า
และมันอาจแอบฝังอยู่ในจุดหนึ่งจุดใดของจิตใจได้อีกนานนับหลายปี
ในยามที่ความคิดถึงสิ่งที่เคยมีได้แว่บเข้ามาภายในจิตใจ ความรู้สึกแรกๆมักจะเป็นความปราถนาถึงความสุขนั้น อยากจะสัมผัสความสุขนั้นอีก บางคนพยายามละเมอเพ้อพก สร้างจินตนาการว่าตนเองได้สัมผัสอีกครั้ง เพื่อให้หายอยากในจิตใจ แต่กับเป็นยิ่งซ้ำเติม
ความอ่อนไหวในจิตใจมากขึ้น
มนุษย์มีนิสัยประหลาดอยู่ประการหนึ่ง อันเป็นนิสัย ที่สร้างเงื่อนไขขึ้นมาเอง เงื่อนไขดังกล่าวก็คือ อะไรที่ตนเองเคยได้รับก็มักจะยึดติดว่า “สิ่งนั้นคือของเราเป็นของเรา”
ทั้งๆที่ เวลาเรานึกถึงความสุขอื่นๆที่เรายังไม่เคยครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฝันจินตนาการ ว่า มีเงินมีทองมีสมบัติ หรือมีคนรักรูปงาม หรือมีอะไรก็ตามสุดที่มนุษย์จะชอบเพ้อฝันถึง เมื่อฝันละเมอถึงเสร็จก็อมยิ้มอยู่แค่นั้นหาได้ ทุกข์ใจอะไรสักเท่าไหร่ไม่