เข้าใจความเป็นจริงของที่อยู่แห่งชีวิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ได้

Tagged: , , , ,

เข้าใจความเป็นจริงของที่อยู่แห่งชีวิตและเรียนรู้ที่จะอยู่ได้

โลกเรานั้น จะสังเกตุได้ว่า แทบจะทุกสิ่งมีชีวิต ทั้งพืช สัตว์ แมลง และมนุษย์ ล้วนต้องปรับตัวที่จะอยู่ในสภาพความเป็นจริงให้ได้
มนุษย์เราไม่รู้สึกทุกข์ทน รังเกียจรูปลักษณ์ของเรา มนุษย์เราไม่รู้สึกทุกข์ใจกับความเป็นอยู่บางประการของเรา
มนุษย์เราเกิดลืมตาดูโลกมา โลกจะค่อยๆป้อนข้อมูลต่างๆในสิ่งรอบตัวของเราและในสิ่งที่เราอยู่ในสิ่งที่เราเป็น ให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่ร่วม ได้อย่างปรกติและเคยชิน

โลกสอนให้เรารู้ว่าเรามีเพียงสองขา สองมือ เราบินไม่ได้เหมือนนก เราสายตาไม่ยาวไกลเหมือนอินทรีย์
เราอาศัยอยู่ใต้น้ำไม่ได้ เรามีการหิว เรามีการขับถ่าย เรามีการป่วยไข้ เรามีสิ่งปฏิกูล ฯลฯ

เราค่อยๆเรียนรู้ขีดจำกัดและความเป็นจริงของเรา อย่างไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาน่าทุกข์ร้อนอะไร

เราล้วนเติบโตมาอย่างผ่านการเข้าใจยอมรับสิ่งที่เป็น ในความเป็นจริง ต่างๆนาๆ เราชินต่อวิถีของความเป็นมนุษย์

life-5

แต่……………….

หากเป็นเรื่องใด ที่มนุษย์ไม่เคยมองเห็นความเป็นจริง
ไม่เคยฝึกฝนใจ เรียนรู้ยอมรับ ปรับตัวเข้ากับความเป็นจริงบางอย่าง

ในวันที่รู้ตัว และได้รู้จักความเป็นจริงของชีวิต ก็มักจะปรับตัวไม่ทัน รับมือได้ยาก และต้องพบกับความรู้สึกทุกข์อย่างมาก

life-2

ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในอดีต ค่อนข้างใกล้ชิดกับวิถีธรรมชาติ แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องทนทุกข์กับ สิ่งต่างๆที่พึ่งได้รู้จักไปตามวัยที่เติบโต ไม่ว่าเรื่องของ ความรัก ความสูญเสีย พรากจาก

แต่ทว่า
มนุษย์ในวิถีสังคมสมัยใหม่ มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่กับการปรุงแต่งและหลอกลวงความเป็นจริง มากยิ่งขึ้น
ด้วยสิ่งปรุงแต่งจิต และบดบังความเป็นจริงนานาชนิด

มีวิถีสังคม มีกระแสแฟชั่น มีค่านิยม มีรสนิยมต่างๆ มีการยึดถืออุปโลกษณ์ สิ่งภายนอกที่มีเงื่อนไขกระทบต่อจิตใจอย่างมากมาย

มนุษย์ได้ดูหนังฟังเพลง ที่มีเรื่องราวของการเสพสิ่งสนุก หลงใหลเคลิบเคลิ้มในช่วงเวลาต่างๆ แต่หนังเหล่านั้น หรือเพลงเหล่านั้นมักไม่ได้บอกต่อว่า หลังจากพระเอกนางเอกแฮปปี้เอนดิ้ง และหนังจบไปแล้วหลัง จากนั้นมีอะไรเกิดขึ้นต่อกับชีวิตของพระเอกนางเอกบ้าง?

life-3

มีโลกความเป็นจริงอีกมากมายที่จะถาโถมให้พระเอกนางเอกได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อม ความแก่  ความไม่แน่นอน และเหตุการณ์อีกสารพัด

ในโลกยุคใหม่ มนุษย์มักถวิลหาการปรุงแต่งสังคมอุปโลกษณ์ ต้องการรักษาสถานภาพทางสังคม มุ่งมองผู้ที่เลิศเลอ โดยหลงลืมว่าทุกผู้ย่อมร่วงโรย หรือมีโอกาสพบชะตาอนาถ ได้ทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน

เปรียบเหมือนใบไม้เขียวสด สวยงาม อยู่บนยอดต้น

ใบไม้สดใสแต่ละใบต่าง ยินดีปรีดาอยู่ในที่สูงโดยไม่ทันสังเกตุว่า ในเบื้องล่างมีใบไม้เหี่ยวกรอบ แห้งเฉาร่วงอยู่เสมอ
ฉากที่งดงามอลังการเพียงใด มักมีฉากที่มืดมนแตกดับในมุมที่ไร้คนสนใจเสมอ

สังคมมนุษย์คล้ายการเล่นเกมโชว์  บรรดาผู้ที่เฉิดฉายก็จะสนุกสนใจเป็นที่จับตากันในหมู่มวลประชา ในขณะที่ผู้ถึงเวลาร่วงหรือประสบเหตุให้มลาย  สภาพชีวิตจะดั่งถูกคัดออกไปอย่างเงียบๆ  ท่ามกลางเสียงเฮฮาของสังคมระเริงที่ไม่อาจสนใจ สิ่งที่ถูกคัดออกให้เสียบรรยากาศ  และอันที่จริงแล้วย่อมพบเจอชะตากรรมเช่นนั้นทุกคน

โรงพยาบาลในทุกๆ1วันมีฝูงชนที่ประสบไข้เจ็บหลั่งไหลเข้าออกวันละมหาศาล อย่างชนิดที่ผู้ที่ไม่เคยไปสังเกตุมองต้องตะลึง

หลายป่าช้าเมรุเผาศพ มีควันลอยฟุ้งทั่วหัวระแหง
ทุกห้องแห่งหน ทุกผืนแผ่นพื้น มีผู้คนประสบชะตาทุกข์ อยู่ถ้วนทั่ว ปะปนกันไปกับผู้ประสบสุข เพียงแต่สังคมมนุษย์จะนิยม
ฉายแต่มุมที่ งดงามอบอุ่นมากกว่า กล้าที่จะมองเห็นความเป็นจริงของการเกิดดับ

life-8

มนุษย์ที่มีความลุ่มหลงอยู่ในความรัก มักปรุงแต่งจิตใจ ให้นอกเหนือความเป็นจริง
ไม่อาจเปิดใจรับการพรากจาก  ไม่อาจเปิดใจรับความสูญเสีย

มนุษย์ที่อยู่ในสถานะทางสังคมหรูหรา
ไม่อาจเปิดใจรับความติดดิน ไม่อาจเปิดใจรับความลดถอย

มนุษย์ที่อยู่ในสังคมที่ยึดติดลุ่มหลงรูปร่างหน้าตาและความเด่นดังแข่งขัน
ไม่อาจเปิดใจรับความเดียวดาย  ไม่อาจเปิดใจรับความร่วงโรยป่วยไข้พิการ หรือแม้แต่แก่เฒ่า

มนุษย์ที่มีแต่จะใช้เวลาไปกับจิตที่เพิ่มความปรุงแต่ง ในโลกที่บิดเบือนความเป็นจริง
มนุษย์ประเภทนี้ในวันที่ต้องเผชิญความเป็นจริง ย่อมตั้งตัวไม่ทัน

ความทุกข์ทั้งปวงล้วนทุกข์ด้วยสาเหตุเพราะไม่เคยสละเวลาทำความเข้าใจ เรียนรู้ปรับตัวเข้าหาความเป็นจริงอย่างถ่องแท้
และซึมซับเข้าถึง

ไม่เคยฝึกฝนทำใจยอมรับว่าโลกนี้ มีการสูญเสียพรากจาก ร่วงโรย ป่วยไข้ พิการ  ชรา  เสื่อม
มนุษย์ส่วนมากมักจะบอกว่ารู้ในสิ่งนี้  หลายผู้ก็มักจะกล่าวว่า ทำใจได้และเข้าใจ
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องง่าย ที่ใครๆก็รู้   และเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆจะด่วนเข้าใจไปว่าตนเองรับกับความเป็นจริงเหล่านี้ได้

แต่แท้ที่จริงแล้ว โลกนี้จะมีสักกี่คนที่ซัมซับฝึกให้จิตปรับตัวเข้าใจได้อย่างแท้จริง โดยที่ยังมัวยึดติดหนักกับสิ่งปรุงแต่งสารพัน

life-4

การจะมีหัวใจที่จริงแท้ในเรื่องนี้ได้นั้น ต้องมีการฝึกฝน และมีการบำเพ็ญจิต มีการเปิดทัศนคติจิตใจ

สิ่งปรุงแต่งต่างๆในวิถีสามัญชน นั้นแม้ว่ายังลุ่มหลง ดั่งมนุษย์ทั่วไปมากหลาย
ยังมิอาจตัดได้ทั้งหมด ก็ตาม

แต่ขอเพียงหมั่นปลูกฝังความเข้าใจชีวิตให้มากๆ และเสพสารพัดสิ่งทางโลกอย่างพองาม มีวิาจารณญาณอยู่เสมอ
ไม่หมกมุ่นยึดหนักมากเกินไป   และฝึกสอนใจให้มีสติเท่าทันอยู่เสมอ นั่นก็พอที่จะทำให้ความทุกข์ใจเบาบางลง

การฝึกฝนจิตปรับตนได้อย่างแท้จริงนั้นคือสิ่งที่ทำได้
แต่มนุษย์มักจะต้องรอให้เผชิญกับความทุกข์เข็ญปวดร้าวนี้ก่อนจึงจะยอมปรับตัว

ในวันนี้หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังประสบความทุกข์ใจซึมเศร้า  ขอให้รับรู้ไว้ว่า
โลกเรานี้ มันมีความเป็นจริงของมัน  และเราจะต้องเริ่มเรียนรู้ยอมรับ เข้าใจในกฏของธรรมชาติ
อย่าไปคิดว่า วันที่เราทุกข์คือวันจบสิ้นสูญเสียไม่มีอะไรเหลือ

แท้จริงแล้ว มันเป็นวันที่ สติปัญญาของเราจะได้สว่าง ออกมามองเห็นความเป็นจริง และมันขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเรา  เพราะโลกก็อยู่ของโลกอย่างเดิม ไม่ได้มาทำอะไรให้เรา
แต่ใจเราต่างหากที่ไปฝึกสอนเงื่อนไขปรุงแต่งผิดๆเอาไว้มากมาย ในจิตใจ
สร้างกฏที่ให้ตัวเองต้องทุกข์กับ รูปการณ์ต่างๆ ที่เราไปกำหนดนิสัยเอาไว้อย่างไม่ทันรู้ตัว

วันนี้หากคุณยังพอมีใจที่จะฝึกให้ตนเอง เรียนที่จะอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง
นั่นคือสิ่งที่ประเสริฐยิ่งนักที่คุณยังพอคิดได้

เพราะชีวิตของมนุษย์นั้น คือสิ่งมีค่า ที่ยังสามารถรังสรรค์สิ่งมีค่ามีความหมายได้อีกมากมาย
แถมยังช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกมากในชีวิต  รวมทั้งยังดูแลคนที่มีความหมายหรือ คนที่มีครอบครัวได้

ชีวิตมนุษย์ยังใช้ทำสิ่งดีๆได้อีกมาก จงอย่ายอมแพ้  ภาวะของระบบจิตใจ

life

อย่าตอบตัวเองว่าฉันทำไม่ได้ฉันปรับตัวไม่ได้
เพราะในเวลาที่ตัวเราเคยปรุงแต่งตัวเองให้เฝ้าปิดบังความเป็นจริง ลุ่มหลงในสิ่งต่างๆสั่งสมมาหลายปี นั่นเราทำไมยังทำได้

มันถึงเวลาแล้วที่ต้องอบรมสั่งสอนตัวเอง
ความทุกข์ในวันนี้มันคือใบสมัครที่จะนำพาให้คุณได้มีโอกาสจะเรียนรู้ การปรับตัวให้มีจิตใจที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่และผสานเข้ากับธรรมชาติของโลกให้ได้

จากนี้ไปกระบวนการในการรักษาจิตใจตัวเอง ที่จะต้องทำในหลายๆเรื่องหลายๆวิธี
แต่หนึ่งในวิธีที่จะต้องทำควบคู่ไปอย่างเคร่งครัด  นั่นก็คือพยายามสอนให้จิตใจสังเกตุมองเห็นความเป็นจริงของโลก และฝึกฝนการเข้าใจยอมรับ หมั่นเพียรที่จะฝึกฝนทุกวันค่อยๆสะสมแรงจิตให้แรงกล้า

เพียงคุณเดินออกจากบ้านและพิจารณาสิ่งรอบตัว คุณจะได้เรียนรู้โลกความเป็นจริงอีกมากมายในแง่มุมได้หลุดจากพันธนาการปรุงแต่งจากสังคม

ภาพทิวทัศน์เดิมๆภาพสิ่งแวดล้อมเดิมๆ วิถีชีวิตผู้คนเดิมๆจะถูกคุณมองเห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ด้วยมุมมองใหม่

มันไม่สำคัญว่าโลกความเป็นจริงต่างๆที่คุณค้นพบมันต้อง สวยงามหรือสุขใจไปทุกเรื่อง
บางเรื่องอาจปะปนด้วย ความไม่สวยงามไม่สุขใจ ปะปนกันไปในวิถีธรรมชาติ
แต่คุณจงตระหนักไว้ว่าคุณจะเรียนเห็นความเป็นจริง เพื่อศึกษาเข้าใจ และรู้จักที่อยู่ของตนอย่างแท้จริง
สร้างความเคยชินและฝึกฝนที่จะอยู่ร่วม กับชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์และท้องฟ้าที่มีทั้งมืดและสว่าง

และไม่ว่ามันจะงดงามหรือไม่งดงามเท่า โลกที่เคยปรุงแต่ง
แต่อย่างน้อยนับจากนี้ไป  คุณจะมีชีวิตอยู่กับสิ่งที่เป็นจริง อันมิใช่สิ่งลวงอีกต่อไป

มันสำคัญว่า สิ่งที่คุณจะพูดว่านั่นคือความจริงนั้น  มันใช่ความจริง จริงๆหรือเปล่า หรือว่ามันมีอีกหลายแง่มุม
และนี่ล่ะคือโลกที่มนุษย์จะได้เรียนรู้ไปกับวันเวลาของชีวิต

จงฝึกฝนสิ่งเหล่านี้ในทุกวันและวันที่คุณจะมีพลังยืนหยัดขึ้นได้ออกจากความทุกข์เศร้า แถมยังมีชีวิตใหม่ที่แข็งแกร่งมีพลังนั้นย่อมมาถึงได้อย่างแน่นอน

เขียนโดย  setmem.com

Leave a Comment

Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).