Tagged: ปัญหาหนี้สิน, หนี้ เครียด, หนี้สินรุมเร้า, เครียดเรื่องหนี้สิน, แก้ไขหนี้

หนี้ท่วม

โลกเรานี้นอกจากคำปรัชญาชีวิตกล่าวที่ว่า ความไม่มีโรคนั้นเป็นลาภอันประเสริฐแล้ว เห็นทีว่าในโลกยุคใหม่นั้นจะเริ่มมีคำว่าความไม่มีหนี้ก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐด้วยเช่นกัน

ปัญหาความเครียดจากหนี้สินนั้นเป็นอีกปัญหายอดฮิตหนึ่งที่มีผู้คนมากมายต้องเครียด กับเรื่องนี้
หนี้สินนั้นก่อเกิดได้จากหลายสาเหตุ  บางคนยากจนแร้นแค้น เกิดมาอย่างไร้โอกาสและมีแต่หนี้สินรุมเร้า
บางคนถูกหลอกถูกโกง  บางคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่รู้จักประมาณตัว
บางคนหนี้ท่วมเพราะบริหารธุรกิจด้วยความเสี่ยง หมุนเงินเกินตัว
บางคนเป็นหนี้เพราะการพนัน  บางคนเป็นหนี้เพราะโรคภัยไข้เจ็บ บางคนเป็นหนี้เพราะต้องรับผิดชอบคนในครอบครัว
บางคนจัดการกับปัญหาหนี้ไม่เป็น  ซึ่งพลาดผิดไปใช้วิธีหนี้ต่อหนี้ คือยืมที่หนึ่งมาใช้ที่หนึ่ง ขยายวงเงินไปเรื่อยๆอย่างแทบไม่คาดคิดว่ามันจะ ยิ่งใหญ่กลายเป็นหนี้ท่วมได้

อย่างไรก็ตามสำหรับท่านที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินรุมเร้าอยู่นั้น เราขอแนะนำข้อคิดและการจัดการดังนี้

1. นำสิ่งที่เกิดขึ้นกับปัญหาทั้งหมดมา เขียนลงในกระดาษ เขียนให้หมดว่าเป็นหนี้ใครบ้างเท่าไหร่อย่างไร
เขียนช่องทางรายได้ปัจจุบัน และเขียนทุกรายละเอียดข้อมูล เพื่อให้นำภาพรวมมามองเห็นได้ชัดขึ้น
ซึ่งจะช่วยให้การจัดการต่างๆนั้น เป็นแบบแผนขึ้น อย่าท้อแท้ไปมัวคิดว่าเขียนไปก็ไม่ได้อะไร
เพราะจริงแล้วมันคือหนทางต่อยอดความคิด หาทางออกได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.อย่ากลัวอย่าฝืนในสิ่งที่จะทำให้บานปลาย   ซึ่งนี่ล่ะคือสาเหตุตัวดีที่ทำให้คนมากมายพากันขยายวงหนี้เพิ่มขึ้น เพราะพวกเขาอยากจะซื้อเวลา  ซื้อเวลาอย่างเลื่อนลอย และคิดแบบชุ่ยๆว่าเผื่อตัวเองจะฟลุ๊คจากทางไหนได้บ้าง
ซึ่งในความเป็นจริงกลับมีแต่สิ่งที่พอกพูน มาถมทับ  ไปหาหนี้ดอกเบี้ยแพงมาต่อหนี้เก่าทับถมกันไป

คำว่าอย่ากลัวที่จะทำให้บานปลายในที่นี้มิใช่หมายถึงให้ไปก่อหนี้บานปลาย
แต่ทว่าหมายถึงจงกล้ารับกับปัญหาที่ก่อไว้   จงกล้าที่จะปล่อยให้ปัญหาที่เป็นอยู่มันเผยตัวเองออกมา
กล้าที่จะบานปลายผล ของการกระทำ
ทางที่ดีจะต้องตั้งสติและต้องกล้า ยอมรับกับปัญหา ปัญหาที่คุณไม่มีทางหลีกพ้น  และอะไรก็ตามที่ทำได้แค่เพียงซื้อเวลาและไปรอเจ็บหนักกว่าในวันหน้านั่นคือสิ่งที่อย่าทำและต้องกล้าที่จะรับปัญหาเท่าที่มีในตอนนี้  ต้องหยุดก่อหนี้และต้องกล้าเผชิญกับความเสียหน้า  ความเสียเครดิต  ความถูกว่าร้าย
ความละอาย ความถูกประนาม และการดำเนินการต่างๆ อะไรก็ตามที่มันจะมี จงยืนหยัดเผชิญหน้ารับสภาพเท่าที่มันมีในตอนนี้ อย่าไปเสี่ยงดิ้นรนผิดๆ ให้มันมีอะไรที่หนักหนาสาหัสเพิ่มขึ้น
ถึงคุณไม่ล้มวันนี้วันหน้าก็ต้องล้ม และล้มชนิดที่เจ็บหนักกว่าด้วย แก้ยากกว่านี้ด้วย วันนี้คุณต้องกล้าที่จะยอมเผชิญกับผลของความผิดพลาด อย่างไม่ขัดขืนดิ้นรน ไปในทางที่จะยิ่งซ้ำเติมชีวิต    จงอย่ากลัวปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น
จงมองคนที่ลำบากยากแค้นยิ่งกว่าเรา  และจงมองอย่างให้เกรียติเขา อย่ามองว่านั่นคือ สิ่งต่ำที่ตัวเองจะรับไม่ได้
จงจำเอาไว้ว่านักสู้ อยู่ที่สูงได้ก็ต้องคลุกฝุ่นได้
อย่ายอมที่จะพ่ายแพ้ชีวิต  จงกล้าที่จะเผชิญกับชีวิตทุกรูปแบบ

3.ตั้งสติมองหาช่องทางที่จะช่วยเหลือคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการขอปรับโครงสร้างหนี้
หรือช่องทางขอย้ายหนี้ ย้ายไปยังเจ้าที่คิดดอกเบี้ยน้อยกว่า และส่งต่องวดน้อยลงโดยแลกกับการส่งระยะยาว
หรือ ใช้เงินก้อนสักก้อนหนึ่งให้ก่อเกิดเป็นรายได้ให้ได้ เพื่อจะนำมาใช้หนี้เขา
หรือเจรจาขอพักชำระหนี้ โดยต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ มีแบบแผนนำเสนอให้เขา ว่าตนเองจะสู้อย่างไร จะประกอบงานอะไร เพื่อจะหาเงินมาให้เขา  และต้องหลังชนฝาที่จะเสนอทางเลือกนี้เท่านั้น

หากเจ้าหนี้ไม่รับฟังเหตุผลขู่จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้อย่างเดียว กดดันให้คุณไปหาเงินมาในทุกวิธีทาง แม้ว่าวิถีทางนั้นมันจะก่อปัญหาเพิ่มขึ้น หรือยิ่งฉุดชีวิตคุณให้ลงเหวมากขึ้น จงอย่าทำ จงยืนหยัดอย่างคนที่ไม่มีอะไรจะเสีย แต่มีแค่โอกาสและวันเวลาอีกมากมายในชีวิตที่จะหาทางทำให้มันดีขึ้นในวันข้างหน้าได้ ต้องกล้าที่จะเผชิญ รูปแบบเหล่านั้นอย่างถึงที่สุด

จงจำเอาไว่าอย่าพกพาทัศนคติที่ผิดๆเอาไว้  อย่าดูถูกเหยียดหยันชีวิตที่ต้องลงมาติดดิน
อย่าปล่อยให้ค่านิยมและกระแสสังคม คือสิ่งชี้วัดกำหนดรูปแบบอารมณ์ความรู้สึกและจิตใจของคน
คุณต้องมองเห็นโลกที่สูงส่งและออกนอกกรอบของกระแสสังคม  ไม่ว่าจะเป็นโลกของนักสู้ ของคนสู้ชีวิต ต้องมองให้เห็นบรรยากาศของโลกแบบนั้น

4.ควบคุมสติ อย่าตื่นเต้น กับช่วงเวลาที่เฝ้าหาทางออก อย่าครุ่นคิดเรื่องนี้มากเกินไปเพราะมันจะเป็นการสะกดจิตตนเอง จากภาวะย้ำคิดย้ำรู้สึก  การสะกดจิตพอกพูนความกังวลที่รุนแรง คือสิ่งที่ไม่มีค่า ไม่เกิดประโยชน์และไม่ควรทำ
จงจำเอาไว้ว่ามีสามสิ่ง สิ่งแรกคือ ความกลัว และสิ่งที่สองคือความปรุงแต่งมโนฟุ้งซ่านจินตนาการว่าตัวเองจะต้องแย่แบบนั้นแย่แบบนี้
รวมถึงสิ่งที่สามคือทัศนคติในการตัดสินมองโลกแบบผิดๆ มองแง่มุมชีวิตในแง่ลบ
สามสิ่งนี้คือสิ่งที่ทำร้ายให้ชีวิตคุณเป็นทุกข์ต่างหาก  มิใช่หนี้สินที่ทำให้คุณเป็นทุกข์
แต่ทว่าคุณสร้างจิตสามสิ่งนี้ขึ้นมาในภาวะหนี้สิน  และนั่นคุณจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้  ขอเพียงมีจิตที่มีพลัง ทุกปัญหาคือสิ่งที่มนุษย์ย่อมต้องผ่านได้จงจำให้มั่น