ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง

ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง หลักคิดนี้ สะท้อนถึง ในยามที่ตัวเรานั้นทุกข์ เราลองพิจารณาดูว่าแท้จริงเราทุกข์กับเรื่องอะไร ความสูญเสียหรือความไม่สมหวังต่ออะไร สิ่งเหล่านั้นมีค่าแท้จริงให้คนเรามัวเมาทุกข์ต่อสิ่งนั้น ดีหรือ? มนุษย์เรายามมีเรี่ยวแรงแจ่มใส มักอยู่กับความฝันความหวัง ดิ้นรนแข่งขัน ไขว่คว้า เงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง และสารพัดเรื่อง เสน่ห์หาอัตตาปรุงแต่งมากหลาย บรรเลงห้อมล้อมห้วงคำนึง ครอบคลุมทุกโสตประสาท ความอยากความต้องการ นั้นวิ่งไปดั่งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หยุดไม่อยู่วนเวียนไม่ยั้ง ดั่งระอุตลอดเวลาด้วย เสียงเพลงชักจูง ให้เพลิดเพลินไร้พื้นที่จิตคลุกคลีอื่นใด นานวันครอบงำสิ้นสายตาไม่เห็นดวงจิตไม่เห็นสัมผัสไม่เห็น ความเป็นจริงที่ถ่องแท้ ตราบจนวันประสบเหตุ ล้มป่วย ตะลึงรู้ ระครอุปโลกษณ์ปิดฉากมีอยู่จริง มนต์เพลงดับเงียบเสื่อมคลาย เมื่อนั้นฉากแท้จริง แห่งโลกความเป็นจริงค่อยเปิดออกให้เห็น…

เศร้าต่อความโหยหาถึงความสุขที่เคยมี

เศร้าต่อความโหยหาถึงความสุขที่เคยมี ความโหยหา ถึงสิ่งในอดีตที่ผ่านไปแล้วนั้น เป็นความเจ็บปวดร้าวในจิตใจ ของใครหลายคน ที่ต้องจมอยู่ในวันคืนที่ซึมเศร้า บางครั้งมันน่าแปลกเหมือนกัน ว่าความหดหู่เหล่านั้นมาจากอะไรบ้าง? … ………. “ความปราถนาสุข” คือองค์ประกอบหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อภาวะการเหล่านั้น มันช่างน่าแปลกเหลือเกิน มนุษย์เรา เวลาเห็นความสุข ของผู้อื่น นั้นอาจยังไม่ยึดติดสักเท่าไหร่ แต่ในยามที่ได้มีโอกาสเป็นผู้สัมผัสสุขนั้นๆด้วยตนเองแล้ว  ก็มักจะยึดติดและทรมานใจในยามที่มันจากไป จิตใจที่ซึมซับรายละเอียดของคืนวันที่ผูกพัณธ์ ต่อความสุข ในยามที่มันจากไปแล้วแต่ทว่าอณูความรับรู้ต่อเรื่องราวมันยัง อยู่ครบ ฟิลลิ่งสัมผัสความรู้สึกยังไม่ยอมจางหาย ยังคมชัดอยู่ในประสาทการรับรู้ มันฝังแน่นยาวนานและใช้เวลาในการจางหายยากเสียยิ่งกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ ภาวะหลังดูหนังเสร็จแล้วยังรู้สึกอินกับหนัง  มันฝังแน่นยิ่งกว่าและจางหายยากนานกว่า หลายร้อยหลายสิบเท่า และมันอาจแอบฝังอยู่ในจุดหนึ่งจุดใดของจิตใจได้อีกนานนับหลายปี ในยามที่ความคิดถึงสิ่งที่เคยมีได้แว่บเข้ามาภายในจิตใจ ความรู้สึกแรกๆมักจะเป็นความปราถนาถึงความสุขนั้น   อยากจะสัมผัสความสุขนั้นอีก บางคนพยายามละเมอเพ้อพก สร้างจินตนาการว่าตนเองได้สัมผัสอีกครั้ง…

อย่าท้อและจงเข้าใจความเป็นจริงของจิตที่ต้องใช้เวลา

อย่าท้อและจงเข้าใจความเป็นจริงของจิตที่ต้องใช้เวลา จิตของมนุษย์นั้น บางแง่มุมมีความแปลก มีความซับซ้อนเกินความเข้าใจทั่วไปอยู่บ้าง แต่นั่นคือสิ่งที่มนุษย์มากมายพยายามทำความเข้าใจกันอยู่เสมอ การทำความเข้าใจความเป็นจริงของลักษณะของจิตมนุษย์นั้น จะช่วยให้ผู้ป่วยซึมเศร้ารักษาตัวเองได้อย่างมีความเข้าใจขึ้น และเพิ่มโอกาสในการรักษาที่มีผลดีขึ้น จิตของมนุษย์นั้น มีความละเอียดและมีความเร็ว สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในหลายอย่างได้อย่างชนิดที่เจ้าของร่างกายยังไม่รู้ตัว หรือแม้แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้สมองสั่งการซึมซับความรับรู้ ควรทราบว่า ทุกกิจวัตรประจำวัน ทุกสภาพแวดล้อมของตัวเรา และทุกประสบการณ์ชีวิตรวมถึงทุกสิ่งที่มากระทบ สัมผัสกับเรานั้น  จิตของเราจะมีกระบวนการซึมซับสะสมในหลายรายละเอียดอย่างชนิดที่ ตัวเรานั้นคาดไม่ถึงและไม่ทันรู้ตัว บางครั้ง บางสถานการณ์ จิตก่อเกิดความรัก บางครั้ง จิตก่อเกิดความ รู้สึกยึดติดในรูปแบบวิถีความเคยชินต่างๆ บางครั้งซึมซับอยู่นานจนก่อเกิดโครงสร้างอารมณ์ ความรู้สึกและลักษณะนิสัย ขึ้นมาได้ จิตบางจิตของเรา นิสัยบางอย่างของเรา ถูก การซึมซับก่อร่างสร้างขึ้นมาทีละน้อย ด้วยรายละเอียดอณูที่เล็กเกินกว่าที่เราจะทันสังเกตุเห็น  และมันก็จะอาศัยวันเวลาในการสะสม…

ยืนหยัดความพรากจากให้ได้ดั่งลูกสิงโต

ยืนหยัดความพรากจากให้ได้ดั่งลูกสิงโต ลูกสิงโตเมื่อยามเยาว์วัย จะได้รับการดูแล อย่างอบอุ่นชิดใกล้และตราบจนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเติบโต ลูกสิงโตนั้นจะถูกขับไล่ผลักไส ให้ออกไปเผชิญโลกเองตามลำพัง ไม่ว่าจะกระวนกระวายใจ เสียใจ หรือคิดถึง แม่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกเผชิญกับความเป็นจริง เปรียบดั่งชีวิตคนที่ต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โลกนี้ชีวิตสรรพสิ่ง ล้วนมีวิถีแห่งธรรมชาติ ที่บีบให้ชีวิตดิ้นรนเผชิญและแข็งแกร่ง มีเพียงสังคมอุปโลกษณ์ปรุงแต่งนานาชนิดของมนุษย์เท่านั้น ที่พยายามที่จะสร้างครรลองที่ฝึกสอนใจให้บิดเบือนไปจากความเป็นจริง  และเมื่อถึงวันที่ต้องเผชิญกับความเป็นจริงกลับไม่เคยมีการเตรียมพร้อมตั้งตัวได้ทัน มนุษย์ในสังคมเมื่อต้องพบกับการพรากจาก  จะรู้สึกทุกข์ เสียใจ บ้างคร่ำครวญ รู้สึกยากทนทาน คุณจะเลือกหนทางใด? บางคนยึดติดอยู่กับในสิ่งเก่าๆต้องการให้ ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมเฝ้าเหม่อลอย ฟุ้งซ่านเสียใจ มีชีวิตอยู่อย่างคนที่พ่ายแพ้ชีวิต ลองแบ่งใจสักนิด   ขอพื้นที่ของจิตใจบ้างสักหน่อย  ขอเถิดพื้นที่ในสมอง ที่เอาแต่ไปครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านไป ขอพื้นที่ว่าง ดั่งกระดาษว่างเปล่าที่พร้อมรับสิ่งใหม่บ้างสักนิด คุณยังมีปัจจุบัน…

เข้าใจทุกอย่างแต่ยังไม่หาย

สำหรับ ผู้ที่ผ่านพ้นช่วงเวลาของการเรียนรู้ ไตร่ตรองสิ่งต่างๆมาอย่างไม่มีอะไรคาใจอีกต่อไปแล้ว  ใช้เวลารักษาเยียวยาตนเองมานานพอสมควร จนเริ่มมีจิตใจที่ดีขึ้น ทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ มีใจที่จะปล่อยวางแล้ว  และปรับทัศนคติ ปรับจิตใจ มีแง่คิดดีๆมากมายที่เหมือนจะพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างยืนหยัดขึ้นอีกครั้งแล้ว แต่ทว่า! บางวัน บางเวลา กลับยังต้องเผชิญภาวะไร้เหตุผล เช่น รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรเศร้ายังจะเศร้าอีก รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีอะไรต้องคิดแล้วยังมักจะเผลอคิดอีก รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จิตใจก็ยังวนเวียนในเรื่องเดิม ทั้งๆที่ตนเองได้รับการเสริมปัญญาให้กับชีวิตแล้ว สาเหตของภาวะแบบนี้ ส่วนประกอบสำคัญอันดับแรกนั่นก็คือ “ความเคยชิน” ความเคยชินของชีวิตประจำวันที่ผ่านมา ที่เคยชินอยู่กับการคิดถึง การไคร่ครวญ การย้ำคิด ในช่วงที่ตกเป็นคนคิดมากนั้นสร้างความเคยชินโดยไม่รู้ตัว ความเคยชินนี้ มันคือสิ่งที่สามารถเป็นได้แม้ว่าจะไร้เหตผล  แม้ว่าเมื่อก่อนคุณจะรู้สึกหดหู่เพราะมีความคิดเศร้าๆ ความนึกในเรื่องแย่ๆ  แต่แม้คุณจะไม่คิดไม่นึกแล้ว แต่ภาวะความเคยชินมันก็เผลอเสพติดไปโดยไม่รู้ตัว และก่อรูปของอารมณ์หดหู่ขึ้นได้เองอย่างไร้เหตุไร้ผล…

ควรเห็นค่าและให้เกรียติสิ่งรอบตัว

ควรเห็นค่าและให้เกรียติสิ่งรอบตัว การให้เกรียติสิ่งรอบตัวถือเป็นการเปิดพลังแห่งทัศนคติใหม่ และยังเสริมการมองเห็นทัศนวิสัย ให้ก้าวสู่โลกที่มีคุณค่า และนอกจากนี้ยังทำให้คุณตื่น มาเห็นความจริงรอบตัวที่คุณอาจไม่เคยเห็น และเมื่อรู้คุณค่าและเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่ควรรัก รักในสิ่งที่ให้ความรู้สึกดีๆตอบแทนมาอย่างมีคุณค่าจริงๆ มันจะช่วยฉุดดึงให้คุณหลุดออกจาก อดีตที่เจ็บช้ำหรือแม้แต่ความยึดติดใดๆก็ตาม คุณลองนึกถึงภาพ ของคนที่เศร้าเพราะ สูญเสียทรัพย์สินวัตถุ นึกถึงภาพคนที่เอาแต่นั่งเสียใจเพราะอกหักจากแฟน นึกถึงคนที่พบเจอเรื่องสะเทือนใจต่อครอบครัว นึกถึงคนที่เอาแต่จมเจ่ากับความเศร้าใดๆก็ตาม อย่างที่ไม่แยแสสิ่งรอบตัว และเชื่อหรือไม่ว่าสิ่งรอบตัวบางอย่างหรือหลายๆอย่างนั้น เขาอาจไม่เคยแยแสแม้แต่ก่อนที่จะพบเรื่องเศร้าด้วยซ้ำ คำว่า  “การให้เกรียติ” คำๆนี้คือวิถีคือครรลองที่สังคมของมนุษย์ทางโลก ย่อมที่จะพัวพันกับภาวะของการให้เกรียติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้เกรียติต่อ บุคคล ให้เกรียติต่อสัญลักษณ์ ให้เกรียติต่อสิ่งที่มีค่าทางจิตใจ ให้เกรียติต่อสิ่งที่ยึดถือ ให้เกรียติต่อสิ่งที่มีบุญคุณ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อแม้แต่น้อย หากว่าคุณควรจะให้เกรียติในสิ่งที่เราจะกล่าวต่อไปนี้ อยากจะถามคุณว่า  ในขณะที่คุณเศร้า คุณเคยเปิดใจมองและตั้งใจดื่มด่ำสุข ของบิดามารดาที่…

ต้องจัดการกับความเคยชิน

ต้องจัดการกับความเคยชิน   ในระบบร่างกายของมนุษย์เรานี้ จะมีลักษณะทางระบบประสาท ชีวะ และเคมีในร่างกายประการหนึ่ง นั่นก็คือ ความยึดติดกับความเคยชิน มนุษย์เราเวลาต้องทำอะไรที่ซ้ำๆย้ำๆ บ่อยๆหรือคลุกคลีนานๆ ภาวะที่มักจะตามมานั่นก็คือ อาการติด ไม่ว่าจะเป็นอาการจากพฤติกรรมแปลกๆ เช่น ขยิบตา  พยักหน้า หรือบางคนพูดติดอ่าง หรืออาการทั่วๆไปที่ชอบ ทำกริยาแบบหนึ่งในภาวะหนึ่งด้วยความเคยชิน เป็นความติดนิสัย หรือบางคนติดในวิถีชีวิตที่ต้องทำทุกวันหากไม่ได้ทำแล้วจะรู้สึกตะหงิดๆ ค้างคาหรือ ไม่สบายใจ อย่างเช่น ต้องกินสิ่งนี้ทุกวัน  หรือต้องไปซื้อสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วต้องไปที่นี่ที่นั่นก่อนเข้าบ้าน นี่ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่เป็นการติดในรูปแบบชีวิตประจำวัน แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกว่า ไม่รู้จะทำมันไปทำไมแต่ กลับต้องทำ บางอาการหากไม่ได้ทำหรือฝืนมัน ระบบสมองและประสาทก็จะส่งรูปของอารมณ์ความทรมานต่อความอยากทำ เข้ามารบกวน และที่ยกตัวอย่างเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้คุณได้เข้าใจลักษณะทาง โครงสร้างด้านพฤติกรรม…

ความปราถนาอย่างแรงกล้า ที่จะรักษาตัวให้หายคือสิ่งสำคัญที่สุด

ความปราถนาอย่างแรงกล้า ที่จะรักษาตัวให้หายคือสิ่งสำคัญที่สุด ตลอดช่วงระยะเวลา ที่ผมได้พบเจอผู้คนแต่ละคน ที่เข้ามาปรึกษาปรับทุกข์ และบอกกับผมทำนองว่าเขาอยากเลิกทรมาน กับความเสียใจ ทุกข์ใจสักทีนั้น เชื่อหรือไม่ว่า 90% มักมีอาการหลอกตัวเอง หลอกตัวเองนั่นก็คือ ปากบอกอยากหาย แต่แท้จริงในใจกลับไม่ใช่อยากหายเลย โดยที่เจ้าตัวยังคงไม่รู้ตัวและไม่รู้จักใจของตัวเองมากพอด้วยซ้ำ แท้จริงใจเบื้องลึกที่ลึกชนิดเจ้าตัวยังไม่รู้ตัวนั้น  เขาต้องการ เพียงแค่คนที่รับฟังเขา ให้เขาได้ระบายเท่านั้น เหมือนเขายังคงจมเจ่าอยู่กับความอยากพยายามดิ้นรนให้สมหวัง  ยังคงอยู่ในพวังที่คล้ายความฝันเฝ้าจินตนาการ ย้ำคิดถึงแต่เรื่องที่สูญเสีย หรือสิ่งที่ต้องการอยากให้เป็น อยากได้คืนมา สลับกับการเผลอตัวคิดถึงสิ่งที่เคยมี ผมขอบอกเลยว่า ความอยากหายเท่านั้น ที่จะช่วยฉุดให้คุณขึ้นมาจากนรกของคืนวันอันโหดร้ายได้ อยากหายในที่นี้นั้นหมายถึงความอยากรักษาอาการ ทุกข์ใจนี้ให้หาย โดยที่ไม่พึ่งในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ อย่างเช่นความเพ้อฝันอยากย้อนคืน อยากพยายามดิ้นรนให้อะไรมันเป็นเหมือนเก่า เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งความอยากหายที่ผมหมายถึงนั่นก็คือ…

ฝึกฝนการใช้ชีวิตใหม่ คือยารักษาที่วิเศษและมีพลัง

ฝึกฝนการใช้ชีวิตใหม่ คือยารักษาที่วิเศษและมีพลัง ในยามที่สูญเสียใดๆไป กลับกลายเป็นเหมือนดั่งเด็กน้อยผู้เดียงสาอ่อนโลก  ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตแบบอื่นได้เป็น และปัญหานี้มักเกิดขึ้นในความรู้สึกของหลายๆคน ที่ต้องเผชิญภาวะเปลี่ยนแปลงของชีวิต สิ่งสำคัญที่คุณควรทราบก็คือ ขอให้รู้ไว้ว่า หากคุณกำลังรักษาจิตใจตัวเอง ด้วยการพยายามลืม  หรือด้วยการพยายามเหลือเกินที่จะหาสิ่งสุขใส่ตัว พยายามเหลือเกินที่จะทำตัวให้ร่าเริง   หรือคิดฝากฝังให้คนรอบข้างช่วยกันดูแลคุณในยามนี้ ช่วยพาคุณไปเที่ยวในที่ต่างๆ หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้คุณได้หัวเราะได้มีความสุข ขอให้รับรู้ไว้ว่า สิ่งเหล่านั้นมันเป็นได้เพียงสิ่งบรรเทา    แต่ความยากลำบากในจิตใจ มันจะยังคงเกาะกินลึกๆในใจ และคอยแวะวนเวียนมาหลอกหลอนความรู้สึกของคุณอยู่เป็นระยะๆ หนทางที่ดีที่สุด ก็คือ เมื่อคุณได้ใช้ปัจจัยต่างๆที่ช่วยบรรเทาจนคุณพอที่จะลุกขึ้นยืนได้บ้าง พอที่จะมีสติได้บ้าง พอที่จะต่อสู้ด้วยตัวเองไหว คุณจะต้อง ยืนหยัดด้วยตัวเองเป็นลำดับต่อไป คุณจะต้องทำความเข้าใจ และแก้ไขความบกพร่องของตัวเองที่ผ่านมา ควรเหลือเกินที่คุณจะไตร่ตรองว่าที่ผ่านมา คุณยึดติดกับรูปแบบอะไรบ้างในวิถีชีวิตเก่าๆ อะไรบ้างที่มันทำให้คุณอ่อนแอเกินไปพึ่งพิงบางสิ่งมากเกินไป คุณต้องแก้ไขมันไปทีละอย่างไปทีละเรื่อง  และตั้งใจมองสิ่งใหม่ๆ…

Page 1 of 2

  • 1
  • 2