จงปลูกฝังปฏิกริยาต่อแวดล้อมและวัตถุใหม่ สมองและประสาทสัมผัสของมนุษย์เรา มีการทำงานได้ในลักษณะของการประมวลผล ที่สร้าง ปฏิกริยา ต่อการสัมผัสหรือพบเห็นสิ่งต่างๆได้จากการปลูกฝังอันเคยชิน และทำงานอย่างรวดเร็ว อัตโนมัติ ในคู่รักหลายคู่มักมีการปลูกฝัง ในด้านความสัมพัณธ์ระหว่างสองคนอยู่หลายเรื่องไม่น้อย อย่างเช่นว่า เมื่อเจอของที่คนรักชอบ เจออาหารที่คนรักชอบ เจอสถานที่ที่คนรักชอบหรือเคย ชอบด้วยกัน เจอสิ่งที่เคยทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกัน และสิ่งเหล่านี้เอง ในวันที่หวานชื่นมันสร้างความสุขอิ่มเอมหัวใจเหลือเกิน แต่ในวันที่เลิกรา มัน กลับกลายเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายจิตใจให้หดหู่อ้างว้าง และยิ่งสำหรับคนที่กำลังพยายาม แก้ไขตัวเองให้หายจากความเศร้าโศกเสียใจ แต่ทว่าเมื่อพบ เจอสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับเจอ การขัดขวางเจอการบั่นทอน และการที่คนเราจะสร้างจิตใจให้แข็งแรง จำเป็นอย่างที่สุดที่ควรต้องตระหนักถึงอะไรก็ตามที่จะ สามารถมาพัง จิตใจที่เราอุส่าต์สร้างมาไว้อย่างดี ได้แบบง่ายๆและเสียแรงที่อุส่าต์ทำใจมามาก มาย การสร้างจิตใจควรจะเหมือนกับการสร้างบ้าน บ้านที่ควรต้องมีรากฐานและโครงสร้างที่แข็งแรง อันมิใช่เป็นเหมือนแค่ประสาททรายที่ก่อขึ้นตามชายหาด…
บทความเด่น
บทความเด่น Feedจิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น
byจิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น เคยสงสัยและถามตัวเองไหมว่า ในวันที่ฉันซึมเศร้า บางครั้งฉันอยู่คุยกับตัวเอง คิดต่างๆนาๆ จน วันนึงโชคดี เกิดความคิดแนวทางใหม่ เกิดแรงตั้งใจใหม่ให้กับชีวิต รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำใจได้ และเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ใช่คนที่จมเจ่าในความทุกข์อีก ความคิดเหล่านั้นซึมซาบในความรู้สึกในอารมณ์ ทำให้จิตใจมีพลังและสุขล้น แต่แล้ว เพียงผ่านไปไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน หรือแม้แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง กลับมาซึมเศร้าอีกแล้ว? สำหรับลักษณะอาการแบบนี้นั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆที่ร่วมเกี่ยวข้อง ซึ่งในบทอื่นๆเราได้กล่าวถึงปัจจัยประกอบต่างๆ แต่สำหรับบทนี้เรา จะมาทำความเข้าใจกับสาเหตุสำคัญใหญ่ๆ อีกสาเหตุหนึ่งนั่นก็คือ “การไม่ ยึดมั่นในวิถีชีวิต” บางครั้งเราอาจไม่รู้เท่าทัน ว่าชีวิตที่หายจากความทุกข์เศร้า ชีวิตที่ลุกขึ้นยืนได้ และมีแรงใจประดุจดั่งความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่ ชีวิตแบบนี้นั้นเกิดขึ้นได้จากครรลองใหม่ ที่เราควรจะต้องรักษา และหล่อเลี้ยงตลอดไป วันใดที่เรากลับไปคลุกคลีครรลองแบบเก่าๆ วันใดที่เราทำวิถีใหม่ๆเสื่อมถอยไป…
ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง
byทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง หลักคิดนี้ สะท้อนถึง ในยามที่ตัวเรานั้นทุกข์ เราลองพิจารณาดูว่าแท้จริงเราทุกข์กับเรื่องอะไร ความสูญเสียหรือความไม่สมหวังต่ออะไร สิ่งเหล่านั้นมีค่าแท้จริงให้คนเรามัวเมาทุกข์ต่อสิ่งนั้น ดีหรือ? มนุษย์เรายามมีเรี่ยวแรงแจ่มใส มักอยู่กับความฝันความหวัง ดิ้นรนแข่งขัน ไขว่คว้า เงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง และสารพัดเรื่อง เสน่ห์หาอัตตาปรุงแต่งมากหลาย บรรเลงห้อมล้อมห้วงคำนึง ครอบคลุมทุกโสตประสาท ความอยากความต้องการ นั้นวิ่งไปดั่งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หยุดไม่อยู่วนเวียนไม่ยั้ง ดั่งระอุตลอดเวลาด้วย เสียงเพลงชักจูง ให้เพลิดเพลินไร้พื้นที่จิตคลุกคลีอื่นใด นานวันครอบงำสิ้นสายตาไม่เห็นดวงจิตไม่เห็นสัมผัสไม่เห็น ความเป็นจริงที่ถ่องแท้ ตราบจนวันประสบเหตุ ล้มป่วย ตะลึงรู้ ระครอุปโลกษณ์ปิดฉากมีอยู่จริง มนต์เพลงดับเงียบเสื่อมคลาย เมื่อนั้นฉากแท้จริง แห่งโลกความเป็นจริงค่อยเปิดออกให้เห็น…
ทางเลือกต่างๆในการรักษาอาการเครียด
byทางเลือกต่างๆในการรักษาอาการเครียด ในยามที่ชีวิตของคุณต้องถูกภาวะซึมเศร้าหดหู่เข้าเล่นงาน จากที่คุณต้อง ทุกข์ทนอยู่กับมัน ไม่ว่าคุณอาจจะท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก จนในวันหนึ่งที่คุณเริ่มรู้สึกตัวและเข้าสู่ความรู้สึก ที่อยากจะรักษาอาการทางจิตใจของตนเองให้หาย อยากหลุดพ้นออกจากความทุกข์ทรมานขมขื่นนี้ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่คุณจะมองหา นั่นก็คือหนทางวิธี และผู้ที่สามารถช่วยรักษาอาการของคุณได้ หากวันนี้คุณกำลังมีคำถามอยู่ว่า จะปรึกษากับใครดี? คุณต้องทำความเข้าใจว่า หนทางในการช่วยเหลือคุณได้นั้น มีอยู่หลายทาง แต่ละทางเป็นทางเดินที่ให้แง่มุมและผลที่แตกต่างกัน แต่ทว่า บางเรื่องนั้นก็สามารถปรับร่วมกันได้ อันแต่ละทางนั้นมีลักษณะแตกต่างกันไปดังนี้ 1. รักษาโรคเครียด ด้วยการสอบถามจากผู้รู้ ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์(อย่างแท้จริง) ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่พี่น้อง หรือเพื่อน ที่เคยเจอภาวะความทุกข์ที่คุณกำลังประสบเหล่านี้และเขาเคยผ่านมันมาได้ สำหรับในวิธีข้อนี้นั้นมีข้อดีก็คือ ความเป็นกันเอง ความสนิทกันของครอบครัวญาติมิตร และการได้พบเจอกันเป็นประจำ จะเป็นภาวะที่สะดวกเป็นอย่างมาก…
เศร้าต่อความโหยหาถึงความสุขที่เคยมี
byเศร้าต่อความโหยหาถึงความสุขที่เคยมี ความโหยหา ถึงสิ่งในอดีตที่ผ่านไปแล้วนั้น เป็นความเจ็บปวดร้าวในจิตใจ ของใครหลายคน ที่ต้องจมอยู่ในวันคืนที่ซึมเศร้า บางครั้งมันน่าแปลกเหมือนกัน ว่าความหดหู่เหล่านั้นมาจากอะไรบ้าง? … ………. “ความปราถนาสุข” คือองค์ประกอบหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อภาวะการเหล่านั้น มันช่างน่าแปลกเหลือเกิน มนุษย์เรา เวลาเห็นความสุข ของผู้อื่น นั้นอาจยังไม่ยึดติดสักเท่าไหร่ แต่ในยามที่ได้มีโอกาสเป็นผู้สัมผัสสุขนั้นๆด้วยตนเองแล้ว ก็มักจะยึดติดและทรมานใจในยามที่มันจากไป จิตใจที่ซึมซับรายละเอียดของคืนวันที่ผูกพัณธ์ ต่อความสุข ในยามที่มันจากไปแล้วแต่ทว่าอณูความรับรู้ต่อเรื่องราวมันยัง อยู่ครบ ฟิลลิ่งสัมผัสความรู้สึกยังไม่ยอมจางหาย ยังคมชัดอยู่ในประสาทการรับรู้ มันฝังแน่นยาวนานและใช้เวลาในการจางหายยากเสียยิ่งกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ ภาวะหลังดูหนังเสร็จแล้วยังรู้สึกอินกับหนัง มันฝังแน่นยิ่งกว่าและจางหายยากนานกว่า หลายร้อยหลายสิบเท่า และมันอาจแอบฝังอยู่ในจุดหนึ่งจุดใดของจิตใจได้อีกนานนับหลายปี ในยามที่ความคิดถึงสิ่งที่เคยมีได้แว่บเข้ามาภายในจิตใจ ความรู้สึกแรกๆมักจะเป็นความปราถนาถึงความสุขนั้น อยากจะสัมผัสความสุขนั้นอีก บางคนพยายามละเมอเพ้อพก สร้างจินตนาการว่าตนเองได้สัมผัสอีกครั้ง…
ยืนหยัดความพรากจากให้ได้ดั่งลูกสิงโต
byยืนหยัดความพรากจากให้ได้ดั่งลูกสิงโต ลูกสิงโตเมื่อยามเยาว์วัย จะได้รับการดูแล อย่างอบอุ่นชิดใกล้และตราบจนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเติบโต ลูกสิงโตนั้นจะถูกขับไล่ผลักไส ให้ออกไปเผชิญโลกเองตามลำพัง ไม่ว่าจะกระวนกระวายใจ เสียใจ หรือคิดถึง แม่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกเผชิญกับความเป็นจริง เปรียบดั่งชีวิตคนที่ต้องพบเจอการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โลกนี้ชีวิตสรรพสิ่ง ล้วนมีวิถีแห่งธรรมชาติ ที่บีบให้ชีวิตดิ้นรนเผชิญและแข็งแกร่ง มีเพียงสังคมอุปโลกษณ์ปรุงแต่งนานาชนิดของมนุษย์เท่านั้น ที่พยายามที่จะสร้างครรลองที่ฝึกสอนใจให้บิดเบือนไปจากความเป็นจริง และเมื่อถึงวันที่ต้องเผชิญกับความเป็นจริงกลับไม่เคยมีการเตรียมพร้อมตั้งตัวได้ทัน มนุษย์ในสังคมเมื่อต้องพบกับการพรากจาก จะรู้สึกทุกข์ เสียใจ บ้างคร่ำครวญ รู้สึกยากทนทาน คุณจะเลือกหนทางใด? บางคนยึดติดอยู่กับในสิ่งเก่าๆต้องการให้ ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมเฝ้าเหม่อลอย ฟุ้งซ่านเสียใจ มีชีวิตอยู่อย่างคนที่พ่ายแพ้ชีวิต ลองแบ่งใจสักนิด ขอพื้นที่ของจิตใจบ้างสักหน่อย ขอเถิดพื้นที่ในสมอง ที่เอาแต่ไปครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านไป ขอพื้นที่ว่าง ดั่งกระดาษว่างเปล่าที่พร้อมรับสิ่งใหม่บ้างสักนิด คุณยังมีปัจจุบัน…
จงเปิดพลังปูพื้นฐานสุขจากสิ่งรอบตัว
byจงเปิดพลังปูพื้นฐานสุขจากสิ่งรอบตัว สมองคนมีสมองเดียว มีสัญญาณความคิดเดียว แต่คนเรานั้นวันๆใช้พื้นที่ความคิด พื้นที่ความรู้สึกไปกับเรื่องอะไร? แน่นอนว่าความสุขความทุกข์นั้นส่งผลได้กับระบบของร่างกาย และพลังของชีวิต สิ่งใดที่เป็นสุขนั้นยิ่งย่อมส่งเสริมให้ ร่างกายสุขภาพดีขึ้น ส่งเสริมให้อารมณ์ความคิด ดีขึ้น มีกระจิตกะใจมีชีวิตชีวาขึ้น แต่ก่อนที่คุณจะตั้งเงื่อนไขของความสุข ด้วยสิ่งที่ไม่มีและสิ่งที่ต้องการ เหตุใดคุณจึงไม่ปูพื้นฐานของความสุข จากสิ่งที่มีรอบตัวก่อนเล่า? และแน่นอนว่ามันยากมากที่คุณจะสัมผัสคุณค่าแห่งความสุขจากสิ่งรอบตัวได้ หากตราบใดที่พื้นที่สมองและความคิดของคุณ ไม่เคยให้พื้นที่หยุดพักคิดจากเรื่องอื่น มาเปิดใจเรียนรู้สิ่งรอบตัวเลย จงจำเอาไว้ ผลไม้ที่แสนหวานกรอบสุขล้น นั้นย่อมต้องลงทุนลงแรงหว่านเพาะ จงตั้งใจที่จะผลักดันตัวเองให้มองเห็นสิ่งรอบตัวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในทุกวัน อย่าอวดโอ้ตัวเอง หลงเชื่อตัวเองว่าสิ่งที่ตนกำลังสังเกตุนั้นมันมีอยู่แค่นั้น หรือตัวเองรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างดีพอ จงระลึกไว้เสมอว่าผู้ที่หลงในภูมิปัญญาของตนคนผู้นั้นย่อมมืดบอด ลองเปิดโอกาสให้ตัวเองทำตนเป็นแก้วที่ไม่มีน้ำล้นแก้ว เป็นแก้วที่ว่างและรอรับการเติมเต็ม ในโลกนี้ มีสิ่งเรียบง่ายมากมาย ที่คุณอาจยังไม่เข้าใจถึงคุณค่าแห่งสิ่งต่างๆนั้นได้ลึกซึ้งพอ จงจดจำความรู้สึกช่วงวัยเด็กอยากรู้อยากเห็น รีสตาทร์ใจใหม่ให้กลายเป็นไม่รู้อะไรในอีกแง่มุมหนึ่งและ…
จงมองอดีตด้วยจิตใจของวันนี้ที่เติบโต
byหมายความถึง ในวันที่คุณรักษาจิตใจจนหายดีแล้ว และในวันใดที่เผลอใจ มองเรื่องราวที่ปวดร้าวในอดีต จงมองด้วยมุมมองของปัจจุบัน มองอย่างคนที่เติบโตแล้ว และจงมองอย่างแข็งแกร่ง อย่าเอาใจไปอ่อนไหวตามสภาวะการในอดีต ซึ่งโดยปรกติแล้วคนทั่วไปหลายๆคน เวลาที่นึกถึงเรื่องอดีต ก็มักจะเผลอใจมองสิ่งต่างๆด้วยความรู้สึกร่วมเดียวกับตัวตนในวันวาน แต่สำหรับอดีตที่ปวดร้าว ที่เจ็บช้ำ คุณต้องเตือนสติตัวเองว่าในวันนี้คุณไม่ใช่คนเดิมแล้ว คุณมีการพัฒนาจิตใจนิสัย เรียนรู้โลกมากขึ้น จิตใจของคุณเติบใหญ่แล้ว คุณมองตัวตนของตัวเองในอดีตที่เคยอ่อนแอเปราะบางฟูมฟาย ประดุจดั่งนั่นไม่ใช่ตัวคุณอีกต่อไปแล้ว มองอย่างเข้าใจตัวเองในอดีต แต่ไม่ใช่มองอย่างรู้สึกร่วมประดุจเป็นตนเอง
การรักษาใจในยามอกหักถึงขั้นโรคซึมเศร้า 1
byการรักษาใจในยามอกหักถึงขั้นโรคซึมเศร้า1 อาการอกหักถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้านั้น แตกต่างจากการอกหักซึมเศร้าทั่วๆไป ซึ่งในประเภทนี้ถือเป็น ประเภทที่ต้องทำการรักษาเยียวยาจิตใจ คือสภาวะอกหักเสียใจรุนแรงและเรื้อรัง มีปมฝังลึกซับซ้อน เป็นแผลใจอยู่ภายในรู้สึกสะเทือนใจรุนแรง ให้ความสำคัญรุนแรง มีภาวะสับสน ทางจิตใจหาทางออกไม่ได้และอาการทรุดหนัก มีพฤติกรรมเริ่มไม่ปรกติ ย้ำคิดย้ำทำ วนเวียน เริ่มมีสติไม่ปรกติ มนุษย์เรานั้น แต่ละคนมีเนื้อหาของความรักไม่เหมือนกัน บางคนคบกันแบบความรักวัยเด็ก ความผูกพัณธ์อยากชิดใกล้ บางคนมีเนื้อหาร่วมทุกข์ร่วมสุขใช้เวลาคบหากันมา แนบแน่นฝังลึก บางคนถึงกับร่วมอยู่กินฝ่าร้อนฝ่าหนาวมาด้วยกัน บางคน ร่วมเผชิญสารพัดเนื้อหาของชีวิต มามากกว่า20ปี บริบทเนื้อหาของแต่ละคู่ของคนเรานั้น นับว่ามีความแตกต่างกัน และจิตใจของแต่ละคนนั้นก็ต่างกัน หากตัวคุณยังประคองสติตัวเองได้อยู่ ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมายนัก รักษาจิตใจตัวเองเดี๋ยวก็หาย และไม่มีอาการปมเก็บกดในแผลใจ นั่นแปลว่าคุณไม่ได้เป็น อาการของคนอกหักซึมเศร้าเสียใจรุนแรง อาจเป็นเพราะคุณมีวุฒิภาวะทางจิตใจ…