การเรียนรู้ยอมรับปล่อยวาง

Tagged: , , ,

การเรียนรู้ยอมรับปล่อยวาง

 

(บทความนี้ ค่อนข้างยาว คุณอย่าพึ่งอ่านจนจบ และรับสิ่งมากมายเหล่านี้ไว้ในสมอง    เราขอแนะนำให้คุณค่อยๆอ่านที่ละเรื่องแล้วนำไปปฏิบัติใช้ทีละเรื่องไป ค่อยๆเข้ามาอ่านเพิ่มเติมทีละนิด ทบทวนหลายๆรอบ จะเป็นความรู้ที่ช่วยคุณได้มาก)

 

คำสามสิ่งคือ เรียนรู้  ยอมรับ  ปล่อยวาง

เชื่อได้ว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินคำเหล่านี้มามากมายหลายครั้งในชีวิต แต่หากเราเสริมความเข้าใจอันแท้จริงลงลึกไปถึงหลักของสามสิ่งนี้ นี่คือหลักที่สำคัญที่สามารถช่วยให้ คนเอาชนะความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้

และก่อนที่คุณจะเริ่มกระบวนการนี้  สิ่งสำคัญอย่างแรกที่คุณควรต้องมีนั่นก็คือ “การให้เวลา”

คุณจงอย่าไปคาดคั้น ที่จะให้ตัวเองหายดีแบบชนิดที่ตื่นมาอีกวัน แล้วร้องดีใจว่า ฉันหายแล้วฉันไม่ทุกข์ใจแล้วฉันสุขใจแล้ว

ซึ่งมักเป็นวิธีที่วู่วาม ที่หลายคนมักทำกัน และสุดท้ายก็กลับมาซึมเศร้าวนเวียนในยามแผลใจกำเริบ

ดังนั้นการแก้ปมของจิตใจอย่างบรูณาการณ์ นั่นก็คือการเข้าใจว่า กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง และต้องตั้งใจอย่าละทิ้งกลางคัน เพราะสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่อง

 

 

เอาล่ะเรามาเริ่มเรียนรู้หลักในการฝึก สามสิ่งนี้  ซึ่งประกอบไปด้วย1. เรียนรู้ 2.ยอมรับ 3.ปล่อยวาง

เริ่มแรกจาก  ความหมายของคำว่า    “การเรียนรู้

นิสัย

เรียนรู้คืออะไรและต้องเรียนรู้อะไร?

เรียนรู้ในที่นี้คือ เรียนรู้ว่าตัวเรานั้นเป็นอย่างไร  ซึ่งนี่คือการค้นหาตัวเองว่าที่แท้จริงตัวเองนั้นเป็นอะไร คนเรานั้นมักจะหลอกตัวเอง หรือไม่ยอมรับความเป็นจริงของตัวเอง หรือไม่รู้จักตัวเองดีพอ บางคนหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี ไม่ยอมรับตัวเองว่า ทุกข์เศร้าเพราะจุดใด

บางคนมีความสับสนในตัวเองมองตัวเองไม่ออก ดังนั้น เราต้องใช้เวลานั่งสงบจิตใจ ค่อยๆไตร่ตรองให้ได้ว่า เรามันมีนิสัยแบบไหนจิตใจแบบไหน ทำไมเราถึงรู้สึกทุกข์กับเรื่องนั้น ทำไมเรารู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้

เราทุกข์เพราะเราหวงสิ่งนี้ใช่หรือไม่ เราทุกข์เพราะเราแคร์ตรงจุดไหน เราทุกข์เพราะเราโลภ เราหลง หรือเราแค้น หรือเราริษยาหรือทุกข์ เพราะขาดบางสิ่งไม่ได้ ใช่หรือไม่

ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละคนและแต่ละสถานการณ์ที่เจอ  จากนั้นจึงค้นหาคำตอบต่อไปว่า  เรากำลังทุกข์เพราะคิดถึงอะไรบ้าง  จงตอบมาอย่างสารภาพตัวเองตามความเป็นจริง

จากนั้นให้ จดข้อมูลคำตอบทั้งหมด ที่เราได้มานั้น ใส่ลงไปในกระดาษ จะทำให้เราเห็นสิ่งในจิตใจของเราเป็นรูปธรรมขึ้น  มองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น และนำมาเข้าใจในวันต่อๆไปได้ง่ายขึ้น

 

จากนั้นจงตอบตัวเองต่อไปให้ได้ว่า

 แล้วทำไมเราต้องทุกข์กับสิ่งนี้   ทำไมเราต้องรู้สึกแบบนี้

 จงตอบอย่างผู้ตั้งสติ ผู้ใช้ปัญญา ผู้ไม่งมงาย และเป็นกลางตอบตามจริงอย่างไม่เข้าข้างตนเอง จงใช้เวลาตอบสิ่งเหล่านี้ อย่างสงบสติอารมณ์ อย่าพึ่งมีอารมณ์กับคำตอบต่างๆที่เจอ

อย่าพึ่งอ่อนไหวฟุ้งซ่านขยายความ

และอย่าลืมว่าจงให้เวลากับตัวเอง   อย่าไปเค้นตัวเองให้ตอบให้ได้ทั้งหมดภายในชั่วโมงนั้น หรือวันนั้น แต่จงค่อยๆถามตัวเองในแต่ละวัน หรือรอคอยบางวันที่ได้คำตอบเข้ามาเอง แต่ต้องไม่ลืมที่จะใฝ่ค้นหาอยู่เสมอ

 

บางคำตอบที่ได้อาจยังไม่ใช่ก็ได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการค้นหาความจริงสักพัก

และเมื่อการเรียนรู้เหล่านี้ถ่องแท้มากขึ้น เข้มข้นมากขึ้น คุณก็จะได้ปัจจัยสำคัญ ที่จะใช้รักษาตัวเอง นั่นก็คือคุณจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคุณ ตัวคุณและจิตใจของคุณ คุณจะประเมินเหตุการณ์นี้ได้และบังเกิดความมองเห็นได้ถูกจุด คุณจะมีความเข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าคุณมีปฏิกริยาตรงไหนอ่อนแอตรงไหน มีสิ่งใดเป็นปมฝังใจ และมีสิ่งใดบ้างที่กังวลกลัดกลุ้ม หรือคร่ำครวญโหยหา

ซึ่งกระบวนการนี้มันคือกระบวนการที่เหมือน กับการเปิดแผลให้หมอดู ว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องรู้จักความเป็นจริงของตัวเรา รู้จักตัวเองให้ดี

 

และเมื่อคุณดำเนินในกระบวนการของ “การเรียนรู้”  ดีพอแล้ว

กระบวนการต่อไปที่จะเข้ามารองรับ  คำตอบทั้งหมดที่ได้จากการ “เรียนรู้” นั่นก็คือ การ ฝึก  “ยอมรับ

ซึ่งกระบวนการดังต่อไปนี้คือกระบวนการที่เปรียบเหมือน นำยามารักษาแผล

 

การยอมรับ

เปรียบได้ว่าการเรียนรู้นั้นคือการเสาะหา ตำแหน่งของแผลให้เจอ  เสาะหาจุดอ่อนของตนเองให้เจอ จากนั้น การยอมรับ ก็คือตัวยาที่จะเข้าทำการรักษา

ภาวะฝึกการยอมรับนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร แต่มันเป็นสิ่งที่คุณต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้

คุณต้องฝึกการยอมรับ ร่วมกับการเรียนรู้ความเป็นจริงของโลกใบนี้ คุณต้องเข้าใจสัจธรรม การสูญเสีย เกิดแก่เจ็บตาย และความพรากจาก ที่มนุษย์เราไม่มีวันที่จะหนีมันพ้น แต่มนุษย์ต้องฝึกฝนใจให้ยอมรับมันให้ได้

คุณต้อง กางจิตใจของคุณแผ่ นำเอาแผลต่างๆที่คุณเรียนรุ้จักตัวเองมาดีแล้ว มาฝึกยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ คุณต้องเตือนสติตัวเองบ่อยๆให้เลิกเผลอตัวคร่ำครวญหาในฝันที่ไม่เป็นจริง คุณต้องย้ำต้องบอกกับตัวเอง ว่าอะไรมันคือจบแล้ว อะไรมันคือสูญเสียพรากจากแล้ว คุณต้องไม่ทำสิ่งใดๆก็ตามที่เป็นการดึงรั้นฝืนความเป็นจริง คุณต้องเลิกวิ่งหนี ความเป็นจริง และต้องหันกลับมา เผชิญกับเรื่องจริง และฝึกฝนใจให้ยอมรับความเป็นจริงให้ได้ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณอาจจะต้องยังอยู่ในภาวะที่แสวงหาข้อคิดดีๆปรัชญาดีๆ คำสอนดีๆมาฝึกฝนใจให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ซึ่งกระบวนการยอมรับนี้  ใช้ข้อคิดที่ดีหรือคำสอนที่ดีต่างๆมาเข้าสู่ความรู้ความเข้าใจชีวิต ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการฝึกฝนอารมณ์ด้วย

โดยที่การฝึกฝนอารมณ์นี้คือกระบวนการที่ต้องตั้งสมาธิและฝึกละวางอารมณ์เหล่านั้นให้ได้

แน่นอนว่าวันแรกคุณจะยังอาจยอมรับมันไม่ไหว แต่ก็ห้ามด่วนสรุปตัดสินว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะความจริงก็คือขั้นตอนนี้จะค่อยๆเขยิบไปในทางบวกได้ทีละน้อยละน้อย มันอาจจะค่อยๆดีขึ้นน้อยนิดจนแทบสังเกตุไม่เห็น แต่หากมีความพยายามอย่างต่อเนื่องมันจะถึงจุดสะสมที่ส่งผลดีขึ้นได้ จนคุณจะรู้สึกขอบคุณตัวเองในภายหลัง เมื่อคุณได้รับพลังของชีวิตใหม่ที่แข็งแกร่งจนรู้สึกได้

 

 

และสำหรับกระบวนการต่อไปที่คุณ จะต้องดำเนินต่อนั่นก็คือ  “การปล่อยวาง

คาวมเข้าใจ

ซึ่งถึงแม้ว่าคุณจะผ่านการเรียนรู้เข้าใจ และยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้แล้วก็ตาม คุณอาจจะไม่รู้สึกทุกข์กับเรื่องใดๆนั้นอีกต่อไป  แต่มันจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทำการปล่อยวางมันลง และเลิกนึกถึงมันอีก ปล่อยวางในที่นี้นั้นหมายถึงการหยุดหมกมุ่น กับเรื่องเหล่านั้น  การเปิดพื้นที่ของจิตใจให้พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ เอาสมองสติปัญญาความคิด หันมาใส่ใจกับการดำเนินชีวิตใหม่ เก็บความผิดพลาดในอดีตเอาไว้เป็นบทเรียน และเลิกคลุกคลีกับเรื่องความหลังอันเจ็บปวด

เลิกซักซ้อมกับเรื่องเหล่านี้อีก ปล่อยให้มันผ่านพ้นไปกับกาลเวลา

Leave a Comment

Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).