อย่าเกลียดความเป็นจริง ตราบที่ยึดเอาตนเองเป็นที่ตั้งของของความเป็นจริง

อย่าเกลียดความเป็นจริง ตราบที่ยึดเอาตนเองเป็นที่ตั้งของของความเป็นจริง เรื่องที่มีความสุข   เรื่องที่มีความหลงใหล   มนุษย์มักหวลคิดคำนึงถึง สังคมของมนุษย์เรา มีหนัง มีระคร  มีบทเพลง มีกวี    ล้วนแล้วมากมายที่มักกล่าวถึงการพรรณาถึงความสุข แต่ทว่า ความปรุงแต่งของจิตใจ อันสามารถจินตนาการได้เลิศล้ำของมนุษย์นั้นก่อให้เกิด เรื่องราวบทประพัณธ์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาของความสุขล้นปรี่ขึ้นมาอย่างมากมาย และสารพัดบทประพัณธ์ สารพัดบทเพลงและบทกวี ที่เต็มเปี่ยมจนจินตนาการสุดไกล  ห่างเกินความเป็นจริง แต่กระนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้คน เด็กเล็กจนโต คุ้นเคยกับชีวิตที่รายล้อมด้วยบทเหล่านั้น ไม่ว่าเสียงเพลง หรือแม้แต่ภาพงดงาม บ่มเพาะจนสับสนเกินกว่าจะมองเห็นความเป็นจริง และเมื่อมนุษย์ได้มีโอกาสเข้าใกล้หรือสัมผัสและเป็นผู้ดำเนินเรื่องราว ด้วยตัวเอง ดั่งเดียวกันกับบทจินตนาที่เคยผ่านการรับรู้ อย่างเช่นความรักและความครอบครอง ความติดนิสัยที่ปักใจ ปรุงแต่ง คาดหวังถึงความสวยงามของชีวิต ความงดงามของโลก ถักทอเรื่องราวเอาไว้อย่างคาดหวังให้ยิ่งใหญ่มหาศาลจับใจ …

ยิ่งทระนงยิ่งไม่ยอมรับตัวเอง จะยิ่งหลงทาง

ยิ่งทระนงยิ่งไม่ยอมรับตัวเอง จะยิ่งหลงทาง อาการทระนง และไม่ยอมรับความอ่อนแอของตนเองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน หลายสิ่งหลายอย่างภายในจิตใจทั้งที่รู้ตัวเองอยู่ลึกๆและทั้งที่ไม่รู้ตัวเองไม่ยอมรับตัวเองนั้น ในคืนวันแรกที่คนเราเสียใจ  มักจะปากแข็งใจแข็งไม่ยอมรับอาการต่างๆในจิตใจตนเอง และคนอกหักในระยะเริ่มแรกที่ยังสับสน ก็มักจะเป็นแบบนี้ ไม่อยากมองเห็นตัวเองแพ้ไม่อยากมองเห็นตัวเองอ่อนแอ ไม่อยากมองเห็นตัวเองหวั่นไหว แต่ในที่สุดความเก็บกดของคืนวันแสะสถานการณ์ที่มากขึ้น มันมักจะทำให้ผู้คนยอมแพ้ที่จะเผยความเป็นจริงออกมา หลายคนที่กลั้นน้ำตาอยู่นานพอสกัดไม่อยู่กลับกลายเป็นอ่อนแออย่างมากมาย ราวกับคนขวัญเสีย กลับกลายเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนอย่างหนักควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ แท้จริงแล้ว การแสดงออกมาถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเรา นั้นคือหนทางที่เกิดประโยชน์ในการแก้ไขบำบัดเยียวยาจิตใจ เพราะหากเราปิดบัง ภาวะอาการทั้งหมดภายในจิตใจนั้นย่อมไม่เกิดการแก้ไขรักษา รวมถึงการเรียนรู้เข้าใจ และที่สำคัญ หากว่าตัวเรายอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะสามารถจัดการกับอาการเริ่มแรกนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นแบบแผนขั้นตอน เช่นว่าเรารุ้ตัวเองว่าเราแคร์ในสิ่งใดและเรายอมรับตัวเอง เราก็จะได้โอกาสที่จะสอนตัวเองให้เรียนรุ้ที่จะทำใจและปรับทัศนคติใหม่   แต่หากเราไม่ยอมรับตัวเองแล้วล่ะก็ สิ่งต่างๆจะสะสมอยู่มากมายและอัดอั้นระเบิดออก อารมณ์สารพัดที่ซับซ้อนจะพรั่งพรูออกมา อย่างรับมือได้ยากขึ้นมาก และเสียใจหนัก หากคุณกำลังเริ่มรู้สึกสับสนและกำลังเผชิญกับอาการอกหักในระยะแรก จงรีบสังเกตุตัวเองด้วยความเป็นจริงและตามติดคอยช่วยเหลือจิตใจของตนเองทุกระยะ แต่ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่าการเผยออกมานั้น…

ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง

ทุกข์กับสิ่งอุปโลกษณ์ มีอันใดควรค่าให้ทุกข์อย่างจริงจัง หลักคิดนี้ สะท้อนถึง ในยามที่ตัวเรานั้นทุกข์ เราลองพิจารณาดูว่าแท้จริงเราทุกข์กับเรื่องอะไร ความสูญเสียหรือความไม่สมหวังต่ออะไร สิ่งเหล่านั้นมีค่าแท้จริงให้คนเรามัวเมาทุกข์ต่อสิ่งนั้น ดีหรือ? มนุษย์เรายามมีเรี่ยวแรงแจ่มใส มักอยู่กับความฝันความหวัง ดิ้นรนแข่งขัน ไขว่คว้า เงินทอง ฐานะ ชื่อเสียง และสารพัดเรื่อง เสน่ห์หาอัตตาปรุงแต่งมากหลาย บรรเลงห้อมล้อมห้วงคำนึง ครอบคลุมทุกโสตประสาท ความอยากความต้องการ นั้นวิ่งไปดั่งวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หยุดไม่อยู่วนเวียนไม่ยั้ง ดั่งระอุตลอดเวลาด้วย เสียงเพลงชักจูง ให้เพลิดเพลินไร้พื้นที่จิตคลุกคลีอื่นใด นานวันครอบงำสิ้นสายตาไม่เห็นดวงจิตไม่เห็นสัมผัสไม่เห็น ความเป็นจริงที่ถ่องแท้ ตราบจนวันประสบเหตุ ล้มป่วย ตะลึงรู้ ระครอุปโลกษณ์ปิดฉากมีอยู่จริง มนต์เพลงดับเงียบเสื่อมคลาย เมื่อนั้นฉากแท้จริง แห่งโลกความเป็นจริงค่อยเปิดออกให้เห็น…