การเรียนรู้ยอมรับปล่อยวาง (บทความนี้ ค่อนข้างยาว คุณอย่าพึ่งอ่านจนจบ และรับสิ่งมากมายเหล่านี้ไว้ในสมอง เราขอแนะนำให้คุณค่อยๆอ่านที่ละเรื่องแล้วนำไปปฏิบัติใช้ทีละเรื่องไป ค่อยๆเข้ามาอ่านเพิ่มเติมทีละนิด ทบทวนหลายๆรอบ จะเป็นความรู้ที่ช่วยคุณได้มาก) คำสามสิ่งคือ เรียนรู้ ยอมรับ ปล่อยวาง เชื่อได้ว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินคำเหล่านี้มามากมายหลายครั้งในชีวิต แต่หากเราเสริมความเข้าใจอันแท้จริงลงลึกไปถึงหลักของสามสิ่งนี้ นี่คือหลักที่สำคัญที่สามารถช่วยให้ คนเอาชนะความทุกข์ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้ และก่อนที่คุณจะเริ่มกระบวนการนี้ สิ่งสำคัญอย่างแรกที่คุณควรต้องมีนั่นก็คือ “การให้เวลา” คุณจงอย่าไปคาดคั้น ที่จะให้ตัวเองหายดีแบบชนิดที่ตื่นมาอีกวัน แล้วร้องดีใจว่า ฉันหายแล้วฉันไม่ทุกข์ใจแล้วฉันสุขใจแล้ว ซึ่งมักเป็นวิธีที่วู่วาม ที่หลายคนมักทำกัน และสุดท้ายก็กลับมาซึมเศร้าวนเวียนในยามแผลใจกำเริบ ดังนั้นการแก้ปมของจิตใจอย่างบรูณาการณ์ นั่นก็คือการเข้าใจว่า กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง และต้องตั้งใจอย่าละทิ้งกลางคัน เพราะสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่อง …
โรคกระเพาะจากความเครียด ความเครียดเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดสภาวะ การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าเครียดลงกระเพาะ โรคกระเพาะนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากๆในประเด็นที่ทุกวันนี้ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยังขาด ความเข้าใจในโรคนี้ โรคกระเพาะเป็นโรคที่เมื่อเป็นแล้วมักจะเป็นเรื้อรัง รักษาให้หายขาดได้ยาก และก่อเกิดความทรมาณ ยุ่งยากแก่การใช้ชีวิตประจำวัน เวลาที่อาการกำเริบจะสร้างความรู้สึกทรมาน เป็นอย่างยิ่งหากคุณกำลังอยู่ในช่วงของความเครียด เรารุ้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่คุณจะควบคุมตัวเองได้ทั้งหมด รวมถึงความสนใจใส่ใจต่อร่างกายตนเอง สิ่งที่คุณควรจะทำให้ได้บ้างนั่นก็คือ มีช่วงพักความเครียดบ้างสักระยะเวลาหนึ่ง ตั้งสติปรับสมดุลย์ในร่างกาย ผ่อนคลายความตรึงเคร่งลงบ้าง นอกจากนั้น อย่างน้อยๆคุณควรจะแบ่งปันจิตใจมาสนใจตัวเอง บ้างสักนิด อย่างน้อยก็ควรทานอาหารให้ตรงเวลา ช่วงที่กระเพาะมีการหลั่งกรดมากและอยู่ในสภาพเปราะบางนี้ ควรหลีกเลี่ยง แอลกอฮอล์และน้ำอัดลม รวมถึงอาหารรสจัด อีกทั้งหากคุณโดนโรคกระเพาะเล่นงานเข้าให้แล้ว การพิจารณายาลดกรด ทานในปริมาณที่กำหนด คือหนทางที่ช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น และการปฏิบัติตัวก็คือคุณจะต้องทานอาหารโดยแบ่ง จากมื้อใหญ่กลายเป็นมื้อเล็กๆหลายมื้อ ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นมาก …
ระวัง ความเลวร้ายมันชอบสิงสู่คนที่สภาพจิตใจไม่ปรกติ สิ่งที่อำนาจแห่งความเลวร้ายชอบที่สุดนั่นก็คือ 1ผู้ไม่รู้ ผู้เดียงสา 2ผู้โง่เขลา ผู้เรียนรู้ผิดๆ 3ผู้อ่อนแอ ควบคุมความต้องการไม่ได้ 4ผู้มักมาก 5.ผู้สับสน ผู้หลงทาง 6.ผู้ริษยา 7.ผู้เคียดแค้น 8.ผู้หลงใหลมัวเมา 9ผู้ขาดสติ บางครั้งในยามที่เราต้องเจ็บช้ำเสียใจ มันคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่ความเลวจะแฝงเข้ามาในตัวเราได้ บางคนชีวิตล้มเหลวพินาศ โกรธฟ้าโทษชะตา ทำสิ่งเลวร้ายประชดชีวิต บางคนน้อยเนื้อต่ำใจ เหตุใดตนต้องพบทุกข์พบชะตา กรรม เหตุใดผู้อื่นเป็นสุขสบาย ก็พาลอยากทำร้ายทำลายผู้อื่น หรือทอดทิ้งผู้อื่น บางคนอกหักถูกทอดทิ้ง เคียดแค้นเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่เลวร้าย ทั้งเพื่อประชดชีวิต หรือเพื่ออยากล้างแค้น บางคนหลงใหลไม่ยอมสูญเสีย ยอมทำทุกอย่างแม้ในเรื่องที่ผิดวิสัย ยอมทำในเรื่องที่ทุเรศหรือเลวร้ายไได้…
การฝึกเจริญสติ อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว อนาคตคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อดีตคือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่บรรเทาสิ่งที่ดีด้วยสิ่งในปัจจุบันได้ อนาคตคือสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ทำให้ดีขึ้นได้หาก เราให้ความตั้งใจในปัจจุบัน หากคุณต้องการที่จะทำชีวิตของคุณให้ดีที่สุด นั่นก็คือคุณจะต้องให้สมาธิมาอยู่ที่ปัจจุบัน การเห็นสิ่งต่างๆในปัจจุบันได้มากที่สุด นั่นก็คือการเปิดวิสัยทรรศ การมองเห็นองค์ประกอบต่างๆได้มากที่สุดอย่างมีสมาธิที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น อีกทั้งการเจริญสติจะทำให้จิตของคุณเข้าสู่ภาวะรับรู้ สภาวะของโลกแห่งความเป็นจริงได้มากขึ้น ควบคุมจิตใจได้ดีขึ้น ปล่อยวางหรือผ่อนปรนความทุกข์ได้ การฝึกฝนเจริญสตินั้นสามารถฝึกฝนได้ในทุกเวลาและทุกอริยาบถ ซึ่งให้ประสิทธิภาพมากน้อยต่างกันไป เวลาที่คุณประกอบกิจวัตรประจำวัน ให้ตั้งจิตฝึกฝน เริ่มจากการสังเกตุ ถึงสิ่งต่างๆในปัจจุบัน ไม่ว่ารูปรสกลิ่นเสียง สิ่งที่ได้ยิน และสิ่งที่มองเห็น การฝึกในขั้นแรกเริ่มคืออาศัยการเตือนสติตัวเองด้วยการกล่าวถ้อยคำในจิตใจ เช่น คุณได้ยินเสียงนก คุณก็บอกตัวเองว่าเสียงนก คุณเห็นอะไรได้ยินอะไรบอกตัวเองไปเรื่อยๆ คุณกำลังยืนตรงหรือคุณกำลังงอเข่า…
การฝึกฝนจิตวิญญาณ จิตวิญญาณ ก็คือสิ่งที่เป็นความรู้สึกเป็นความคิดเป็นอุปนิสัย เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดร่าง ร่างหนึ่งที่มีอยู่ในกายที่มีเนื้อหนังหุ้มห่อกระดูกและอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย จิตวิญญาณมิใช่เป็นเพียงอุปนิสัยเท่านั้น แต่จิตวิญญาณยังประกอบไปด้วย ประสาทการรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึก และเซ้นส์ฯลฯ ที่ประกอบเป็นร่างภายในที่ควบคุมกายเนื้อหนัง ในสังคมเรามีจิตวิญญาณอยู่หลายชนิด เช่น จิตวิญญาณของนักสู้ จิตวิญญาณของนักกีฬา จิตวิญญาณของครู จิตวิญญาณของหมอ จิตวิญญาณของความเป็นพ่อเป็นแม่คน และอีกมากมายหลายชนิดฯลฯ มีนักกีฬามากมายที่ไม่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของนักกีฬา มีครูที่ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณของความเป็นครู เป็นหมอ เป็นพ่อเป็นแม่ฯลฯ จิตวิญญาณคือสภาพของตัวตนทางวิญญาณ ที่หล่อหลอมขึ้นจากการอบรมสั่งสอน หล่อหลอมขึ้นจากประสบการณ์ชีวิต หล่อหลอมจากอุปนิสัย หล่อหลอมขึ้นจากความรู้ หล่อหลอมจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต จิตวิญญาณสำคัญอย่างไร? จิตวิญญาณคือสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยให้คุณยืนหยัดได้ในหลายสถานการณ์ เช่น หากคุณเป็นคนที่มีจิตวิญญาณของนักสู้ คุณจะไม่อ่อนแอคร่ำครวญร่ำร้องง่ายๆ…
การเพ่งมองจิตใจทุกข์เศร้า ให้มองเห็นเป็นสารเคมี หลักวิธีการเพ่งมอง รูปของอารมณ์ความคิดและจิตใจเป็นสารเคมีนั้น คือหลักวิธีที่มีประสิทธิภาพมากและเข้าสู่สภาวะการมองเห็นความเป็นจริงในอีกด้านได้มากขึ้น วิธีการนี้นั้นก็คือ คุณต้องฝึกมองเห็นจริง ในภาวะของมนุษย์ มนุษย์ที่มีความคิดอ่าน มีความรู้สึกเศร้าเสียใจดีใจ มีอารมณ์ต่างๆ ระบบของร่างกายก็จะเกิดภาวะต่างๆขึ้น เช่นการหลั่งสารเคมีในประสาทสมอง การมีคลื่นไฟฟ้า การปรับเปลี่ยนสภาวะทางเคมี เวลาที่คุณเศร้ากับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่กำลังกลัดกลุ้มปวดใจมากๆ โดยปรกติแล้วมนุษย์เรามักจะ ใช้ระบบความคิดต่างๆเข้าจัดการกับระบบความคิดของตัวเอง เช่นการใช้เหตุผลต่างๆในด้านบวก การใช้คำพูดปลอบใจ การใช้คำพูดหรือความคิดในเชิงให้กำลังใจตนเองเหล่านี้เป็นต้น สิ่งนี้เรียกว่ากระบวนการแก้ไขตามวงจรความคิดของมนุษย์ แต่หากคุณเลือกการบำบัดด้วยการฝึกมองรูปอารมณ์ ให้เห็นเป็นสารเคมีด้วย ก็จะช่วยให้คุณบำบัดจิตใจตนเองได้เร็วขึ้น วิธีก็คือในขณะที่คุณกำลัง กลัดกลุ้มใจ ให้คุณลองสงบใจจากเรื่องราวต่างๆสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลับตาตั้งสมาธิสังเกตุอาการของตนเอง โดยมองให้เห็นเป็นรูปอารมณ์ ว่ามันมีรสชาติอะไร มันหวิวๆ หรือ? มันวูบวาบตรงไหน? …
ต้องอดทนต่อข้อเสียของผู้ป่วย ร่วมฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปให้ได้ ไม่ทราบว่าคุณผู้อ่าน จะพอเคยดูหนังหรือระครใดๆบ้างไหม ที่มีเรื่องราวทำนองเกี่ยวกับ คนที่รักหรือคนในครอบครัวต้องถูกปีศาจร้ายเข้าสิง ติดเชื้อหรือถูกสิงหรือถูกสลับร่างหรือสูญเสียร่าง หรือสูญเสียสติ กลายเป็นคนละคน มักช่างเป็นบทเนื้อหาที่สร้างความหดหู่ยิ่งนัก ซึ่งในโลกความเป็นจริงนั้น มนุษย์เรามีโอกาสที่จะอยู่ในภาวะสูญเสียความทรงจำได้ สูญเสียสติได้ หรือเลอะเลือน หรือนิสัยเปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจาก สภาพวัย สังขาร ทั้งจากอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บ และทั้งจากสภาพแวดล้อมและเหตุการณืในชีวิต รวมถึงความช๊อค หรือความกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง หากคนที่คุณรักต้องได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง จนมีพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไม่ปรกติเหมือนเก่า มีอารมณ์มีนิสัย มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือสิ่งที่ช่างแสนโชคร้ายและน่าสงสารเอามากๆ หากต้องเกิดขึ้นกับชีวิตคนๆหนึ่งหรือแม้แต่ตัวเราหากต้องไปอยู่ในสภาพนั้นใครล่ะที่จะอดทนช่วยเราให้กลับคืนมาได้ อย่างไม่ทอดทิ้งกัน ? ส่วนมากแล้ว…
อาการมือเย็นเท้าเย็น จากความเครียด อาการมือเย็นเท้าเย็นหรือมีเหงื่อจับ นั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่หากว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะเครียดกลุ้มหรือซึมเศร้าเรื้อรัง นั้นบ่งบอกได้ถึง ความเครียดที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพของคุณแล้ว และเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังถลำลึกมากเกินไป และขระนี้มันพัฒนาการอาการขึ้นมาอีกระดับแล้ว ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบของร่างกาย ที่ยากจะแก้ไขได้ในภายหน้า อาการมือเย็นเท้าเย็นนั้นเกิดจากความเรื้อรังของสภาวะความเครียด ที่ได้ส่งผลต่อระบบร่างกาย ร่างกายหลั่งสารเคมี ที่ไปกระตุ้นหัวใจทำงานหนักขึ้น จึงทำให้หลอดเลือดแดง บีบตัวแคบลง จนส่งผลให้มือเท้าเย็น หรือมือเท้าชา ซึ่งอาการเหล่านี้จะสามารถขยายไปยังโรคร้ายแรงได้อีกหลายโรค ไม่ว่าโรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจ อาการช๊อค ฯลฯ หนทางในการบำบัดรักษาอาการเหล่านี้คือ 1.ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 2.หาทางแก้ไขรักษาความเครียดอย่างตั้งใจที่จะรักษา อย่าเอาแต่จมเจ่าในความเศร้า 3รับประทานอาหารที่มีวิตามินสูง ผักผลไม้และธัญญาพืช และต้องทานอาหารครบมื้ออย่างเพียงพอ 4.ฝึกฝนทำสมาธิ ฝึกฝนปรับสภาวะร่างกายให้ผ่อนคลาย
อย่าให้คนที่รักไม่จริงมาปั่นหัวคุณได้ คนเราดีชั่วนั้นมีหลายหลากต่างกันไป ความดีความชั่ว มักมองไม่ออกจากภายนอก ต้องอาศัยเรียนรู้ด้วยวันเวลา แต่ทว่าการอยู่กับวันเวลากลับบังเกิดความผูกพัณธ์ กลายเป็นว่าได้พบ บุคคลที่มีทั้งข้อดีข้อไม่ดีปะปนอยู่ในตน แต่กว่าจะรู้ตัวก็ถลำลึก รักไปหมดใจซะแล้ว รักจนหยิบคัดแต่ข้อดีของเขามาชื่นชม แล้วแสร้งทำไม่เห็น ข้อไม่ดี และฝืนทำไม่สนข้อไม่ดีของเขา และจนอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเขาไม่รักคุณ อยากจะสลัดคุณ คุณต้องเจ็บช้ำในการพบกับด้านร้ายของเขา แต่ทว่า เชื่อหรือไม่มนุษย์เรานั้น บางคนก็มีความอำมหิตยิ่งนัก เห็นผู้อื่นเมามายหลงใหลตนเองหัวปักหัวปำ ยังคิดจะหลอกต่อได้ลงคอ คนแบบนี้นั้นมีถมไป แม้ว่าจะไม่สน แม้ว่าจะไม่รัก แต่ยังแสร้งทำเป็นพูดดี แสร้งทำเป็นมีใจ ให้นิดๆหน่อยๆ เบื่อก็ไล่ พอว่างพออารมณืดีก็แกล้งหว่านคำพูดใส่ บางทีก็เสแสร้งงัดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างมาเป็นประเด็น แกล้งทำเป็น ไม่ชอบเราเพราะเรื่องนี้เรื่องนั้น…
3อาการ สำคัญในโรคซึมเศร้าซึ่่งต้องตระหนัก การตระหนักถึงสภาะวะอาการของตนเองคือข้อมูลสำคัญที่จะช่วยต่อยอดการรักษาได้ดีขึ้น และมีการควบคุมระมัดระวังข้อบกพร่องของตนเองได้ สำหรับบทนี้เราจะมานำเสนอ 4อาการ ที่อาจจะเกิดขึ้นในโรคซึมเศร้าซึ่่งต้องตระหนักดังนี้คือ 1.คนเป็นโรคซึมเศร้า มักหมดอาลัยตายอยาก นี่คืออาการที่อันตรายเพราะถ้าคุณปล่อยไว้นาน ต่อมรับรสชาติชีวิตของคุณอาจเสียหายจนฟื้นฟูยากในภายหลัง 2คนเป็นโรคซึมเศร้ามักเก็บกด เครียดกลัดกลุ้มพ่ำเพ้อระบาย ขอให้คุณเข้าใจว่า การกระทำเช่นนี้ คืออาการของผู้ที่อยากได้คนมารับฟัง ขอให้คุณเลือกคนที่เหมาะสมจริงๆที่จะรับฟังคุณได้ แต่ขอให้คุณเข้าใจว่าพฤติกรรมในช่วงนี้ คุณจะเป็นคนที่ผู้อื่นอยากจะ เดินหนี เพราะคุณจะกลายเป็นเหมือนคนบ้าที่พูดมากโดยไม่รู้ตัว อันเนื่องมาจากคุณสูญเสื่อมเซ้นส์การรับรู้ในสิ่งที่ไม่ใช่รหัสภาษาคำพูดไป ดังนั้นขอให้ตั้งสติ และหาแหล่งระบายที่เหมาะสม และค่อยๆฝึกลดอาการระบายเหล่านี้พยายามควบคุมมันให้ได้ ซึ่งควรฝึกจิตใจในทางปล่อยวางมากกว่าการเก็บกด เมื่อสภาพสมองฟื้นคืนพักผ่อนเพียงพอ ระบบเซ้นส์รับรู้เรื่องต่างๆโดยอัตโนมัติจะมีโอกาสกลับมาทำงานดีขึ้นโดยไม่ต้องไล่เรียงเป็นคำพูดร้อยพันในหัวอีก แต่ถ้าคุณยังฝืนทำร้ายตัวเองจนอาการหนัก ระบบเซ้นส์รับรู้อาจเสื่อมสภาพไปอย่างยากฟื้นคืน คนเป็นโรคเครียดกลัดกลุ้มเก็บกด หรือซึมเศร้านั้น มักมีระบบประสาทความคิดไม่สมประกอบ โดยเฉพาะหากคุณเป็นมาแล้วติดต่อกันเป็นระยะเวลานานมากกว่า1เดือนขึ้นไป…