ความยอมจมกับความทุกข์เพราะหวงและเสพติดฟิลลิ่งที่ซาบซึ้ง

ความยอมจมกับความทุกข์เพราะหวงและเสพติดฟิลลิ่งที่ซาบซึ้ง อาการยึดติดต่อภาวะที่รู้สึกซาบซึ้งนั้นเป็นภาวะอาการที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนที่ อกหักซึมเศร้าเรื้อรัง ลักษณะของอาการก็คือ ชอบวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องที่ซาบซึ้งวนเวียนคิดถึงความอยู่ร่วม ความผูกพัณธ์ เรื่องที่เคยซาบซึ้งโรแมนติค เรื่องที่เป็นความรัก เฝ้าที่จะเทิดทูลให้สูงในจิตใจ  เช่นความคิดที่ปักใจว่า ไม่ว่าอย่างไรฉันจะรักเธอตลอดไป ไม่ว่าอย่างไรฉันจะตามรักเธอมากที่สุด     แต่ทว่า!   ทั้งๆที่คนที่คุณรัก  แต่ปัจจุบันเขานั้นกลับไม่รักคุณเลย แม้แต่ในวินาทีที่คุณจมปลักอยู่กับความเศร้าเสียใจ เขาหาได้แยแสแม้แต่นิด  ในขณะที่คุณเศร้าแต่เขา ระเริงสุขในที่ต่างๆ แต่ผู้คนหลายคนที่เสียคนรักไปรู้ทั้งรู้ว่าอะไรมันเป็นยังไง แต่ใจมันกลับดื้อดึงไม่เชื่อฟังยังคงตามเทิดทูลตามรักปักใจคิดถึงเขา อยากจะทำเรื่องซาบซึ้งเช่น อยากวิงวอนขอเห็นหน้าเขาก็ยังดี หรือขอแค่ได้คุยสักนิดนึง หรือขอโทรศัพท์ไปหา มีภาวะอาการแบบผู้ยอมเจ็บยอมปวด แม้ว่าจะกลายเป็นฝ่ายที่ตามรักข้างเดียว   และส่วนมากก็มักจะถูกอีกฝ่ายรำคาญ จนต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า รำพึงรำพันคนเดียวในจดหมายบ้าง อัดวีดีโอบ้าง…

ความสันโดษ ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย

ความสันโดษ ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย   สิ่งที่ ผู้คนที่ประสบภาวะอกหักและเสียใจรุนแรง มักต้องเผชิญกับความทุกข์ใจอันหลากหลาย และหนึ่งในนั้นที่มัก เป็นกันมากนั่นก็คือ ความรู้สึกเหงา อ้างว้าง ต้องการความอบอุ่น  และเกลียดความโดดเดี่ยว แน่นอนว่าความรู้สึกที่เคยได้รับจากความรักและการครองคู่นั้นมักเป็นความรู้สึก ของความอยู่ร่วม ความเติมเต็ม ความแบ่งปัน และความอบอุ่น ความข้างเคียง บางคนมองความรักเป็นเหมือน การเติมในสิ่งที่ขาดหาย เป็นสิ่งที่ช่วยทำลายความเหงา เป็นสิ่งที่เพิ่มพลัง และเป็นสิ่งที่ห่มกอดความรู้สึก บางคนมองความรักเหมือนเป็นยารักษาแผลใจ รักษาความเดียวดาย แน่นอนว่าความรักมักจะรักษาและเป็นในสิ่งเหล่านี้ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าคุณยิ่งเสพความรักมากเท่าใด ที่ยึดติดกับความรักมากเท่าใด คุณจะยิ่งเปราะบางและต้องพึ่งพิงความรักมากยิ่งขึ้นเท่านั้น! แท้ที่จริงแล้วในโลกนี้ สิ่งที่สามารถเติมพลังแห่งชีวิตได้ มิใช่มีเพียงแค่ความรักแต่เพียงอย่างเดียว มันยังมีอีกหลายต่อหลายแนวทางดีๆที่มีค่ามีความหมาย ที่คุณจะเสาะแสวงหาเพิ่มพลังให้จิตใจตัวเองได้  …

รู้เท่าทัน ทำความเข้าใจกับภาวะอยากฆ่าตัวตาย

รู้เท่าทัน ทำความเข้าใจกับภาวะอยากฆ่าตัวตาย   การฆ่าตัวตาย นั้นมีแรงผลักดันมาจากหลายประเด็น อย่างเช่น  บุคคลผู้นั้นมีลักษณะนิสัยที่เป็นรากฐานเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย อาจเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรมา เก็บกดง่าย อารมณ์รุนแรง ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ อ่อนไหวง่าย หรือบางคน ไม่ค่อยมีภูมิในการเผชิญอะไร เป็นคนที่อ่อนแอ ชอบร้องไห้คร่ำครวญได้แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย บางคน เป็นคนคิดเยอะ เจอเรื่องอะไรหนักๆแล้วมักแก้ไขความคิดและอารมณ์ไม่ได้ จะสับสนและขยายความคิดฟุ้งซ่าน คิดลึก  เหล่านี้เป็นต้น ที่เป็นพื้นฐานลักษณะนิสัยที่ เอื้ออำนวยต่อ การฆ่าตัวตาย ในยามต้องเผชิญกับปัญหาหนักๆ  ไม่ว่าจะฆ่าตัวตายเพราะหนีปัญหา   หนีความทรมานทางจิตใจ  หรือท้อถอยท้อแท้รู้สึกไม่อยากใช้ชีวิต หรือบางคนก็ฆ่าตัวตายเพื่อสนองความเจ็บแค้น ต้องการประชด หรือต้องการให้คนข้างหลังได้รับความเสียใจ ซึ่งใครที่มีนิสัยพื้นฐานเหล่านี้อยู่ แม้ในวันที่ยังไม่เจอกับปัญหาอะไรขอให้คุณรับรู้ไว้เถิดว่า คุณควรปรับเปลี่ยนนิสัยตั้งแต่วันนี้…

ภาวะอารมณ์เปราะบางเรื้อรัง

ภาวะอารมณ์เปราะบางเรื้อรัง อาการอารมณ์แปรปรวนง่าย อารมณ์เปราะบาง และฟุ้งซ่านง่าย ขยายความคิด คิดเล็กคิดน้อยคิดเยอะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นคนแบบนี้  นั้นมีสาเหตุใหญ่ประการหนึ่ง ซึ่งอาจมีสาเหตุได้จากการ เคยผ่านการเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน และรักษาหายบางส่วนโดยที่บางส่วนยังไม่ได้รับการแก้ไข  อาจมีปมลึกแผลใจ รวมถึงไม่ได้ทำกระบวนการบำบัดอารมณ์ อย่างถูกต้อง จริงอยู่ว่าแม้ว่าคุณอาจจะใช้วันเวลาเยียวยาเรื่องเก่าๆในอดีต ให้ลืมเลือนไปหลายส่วน และเกียจคร้านที่จะทุกข์กับมัน หรือเก็บมันมาคิดอีก หรือคุณอาจได้ข้อคิดแนวทางชีวิตใหม่ๆที่ทำให้คุณสลัดเรื่องที่เคยคิดมากจนซึมเศร้าไปได้ แต่ทว่า ในบางส่วนอาจยังไม่ได้รับการจัดการแก้ไข ควรทราบว่า ระบบกลไกลของประสาทสมองของคนเรานั้นมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก  และปะปนไปด้วยรหัสความคิดด้วยรูปของความคิดที่ไม่ใช่ภาษา  แต่เป็นรหัสการประมวลผลต่างๆในสมอง ที่เกิดขึ้นเร็วเป็นโครงสร้าง  ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงและเรื้อรังยาวนาน มักจะทำลายโครงสร้างอันเป็นธรรมชาตินี้ไปอย่างไม่รู้ตัว  จนโครงสร้างผิดเพี้ยนไปจากเดิม บางคนเคยเป็นคนที่ร่าเริงเบิกบาน ไม่ถือสากับหลายๆเรื่อง เป็นคนที่แจ่มใสและมีความคิด มีความรู้สึกในด้านบวก แต่ต่อมาเมื่อชีวิตเจอกับเรื่องสะเทือนใจ  ก็กลับกลายเป็นคนฉุนเฉียวเก็บกด…

จงกล้ายอมรับความจริง ของสภาพนิสัยจิตใจตัวเอง

จงกล้ายอมรับความจริง ของสภาพนิสัยจิตใจตัวเอง ก่อนอื่น   อยากจะให้ คุณลองนึกถึงรถยนต์คันหนึ่ง ที่กำลังมีอาการเสีย มีสภาพทุลักทุเลและเสี่ยงต่อการขับไปต่อ  แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ย่อมต้องทำในการที่จะแก้ไข นั่นก็คือ    “คุณต้องเปิดฝากระโปรงรถขึ้นดู”      และเมื่อคุณมองเห็นว่ามีชิ้นส่วนใดๆของรถชำรุดคุณเห็นรอยร้าว คุณได้กลิ่นไหม้ คุณสัมผัสได้ถึงความชื้นที่รั่วซึม  คุณรู้สึกได้ถึงปัญหาที่ไม่ปรกติ และ ทุกอย่างมันจะมีโอกาสแก้ไขได้ แต่ทว่า  อะไรกันล่ะที่คุณจะต้องทำก่อนสิ่งอื่นใด? คำตอบก็คือ…………. ……. … “การยอมรับ” ยังไงล่ะ ที่คือคำตอบ คุณต้องยอมรับความเป็นจริงว่าชิ้นส่วนอะไรบ้าง ที่มันเสียหายสึกหรอหรือเสื่อมสภาพ เพราะหากว่าคุณไม่ยอมรับมัน รถของคุณก็ย่อมที่จะไม่เกิดการซ่อมแซม ดังนั้นคุณต้องกล้าที่จะเปิดกระโปรงรถ และกล้าที่จะมองหาให้เห็นชิ้นส่วนที่เสียหาย และต้องกล้ายอมรับมันด้วย ควรทราบว่า จิตใจมนุษย์ในสังคมโดยทั่วไป มักถูกหล่อหลอมให้มีจิตใจบางส่วนที่ ไม่ยอมรับความเป็นจริง…

ระวังมนต์เพลงที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์อกหัก

ระวังมนต์เพลงที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์อกหัก ในช่วงเวลาที่คุณต้องตกอยู่ภายใต้ความเสียใจ ขอให้ตระหนักไว้อย่างเคร่งครัดว่า สภาพของจิตใจคนในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะคนที่ยิ่งเอาตัวเองไปจมความ เครียดซึมเศร้ามาอย่างหนักได้เรื้อรังยาวนานมาหลายวันนั้น สภาพประสาทสมองระบบความคิดความอ่าน และระบบสารเคมี และอารมณ์ของคุณ จะไม่ปรกติ นี่คือเรื่องจริง โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว ขอย้ำว่าไม่ปรกติอย่างแน่นอน! ที่ต้องย้ำก็เพราะว่า คนเราโดยทั่วไปเกือบแทบทุกคนจะไม่รู้ตัวเอง จะคิดว่าตัวเองปรกติ หรือแม้แต่บางคนที่มีจิตนิสัยคิดว่าตัวเองแน่ตัวเองเก่ง ตัวเองควบคุมได้ คนเหล่านี้ก็มักจะ ไม่เชื่อ และทำการเอาสภาพของอาการที่ไม่สมบรูณ์ทางจิตใจ ไปเที่ยวเผชิญกับ ปัจจัยภายนอกต่างๆ อย่างขาดการรู้เท่าทันถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น และปัจจัยภายนอกที่จะสามารถส่งผลดีร้ายกระทบได้กับตัวคุณ ในภาวะที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าได้ นั่นก็มีอยู่หลายอย่าง  ที่คุณควจจะต้องตระหนักว่าไม่ควรสัมผัสในขณะที่ อารมณ์ของคุณยังอยู่เหนือเหตุผลและวิจารณญาณ และสิ่งภายนอกที่เราจะยกมากล่าวถึง ในที่นี้ นั่นก็คือ” เสียงเพลง” ซึ่งถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรต้องระมัดระวังให้มากๆ การฟังเพลงในภาวะของโรคซึมเศร้า…

ไม่พรากจากกันวันนี้ก็พรากจากกันวันหน้า

ไม่พรากจากกันวันนี้ก็พรากจากกันวันหน้า   ความเป็นจริงอันเป็นสัจธรรมของโลกนี้นั้น ก็คือ  ชีวิตเรานั้นล้วนไม่มีสิ่งใดที่เราสามารถเอาไปได้ทั้งนั้น ยามมาเกิดเรามาเกิดคนเดียว ยามตายเราก็ต้องตายไปคนเดียวและเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ทั้งสิ้น ยามเผาหรือยามฝัง ร่างแหลกสลายเป็นผุยผง กลมกลืนไปกับธรรมชาติ เป็นเพียงเท่านั้น ชีวิตของคนเกิดมาหนหนึ่ง ได้พบความรัก ได้พบการอยู่ร่วม ได้เจอกับผู้คนหลายหลาก และอาจได้ครองคู่ แต่ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายย่อมต้องต่างคนต่างพบวันที่ตายจากกัน คนเรานั้นบางครั้งเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ จมอยู่กับความทุกข์ยาวนานพ่ายแพ้ชีวิต ทำตัวดุจดั่งราวกับโลกนี้แตกสลาย ในใจคาดหวังอยากจะฝืนหลอกความเป็นจริง คิดว่าหากได้คู่ครองกลับมา โลกนี้จะมีความสุขนิรันดร์ จะมีสุขนิรันดร์จริงหรือ? แต่แท้จริง ในความเป็นจริงของโลกนี้  แม้ต่อให้ฝันของคุณเป็นจริง คุณได้คนรักกลับมาแล้วอย่างไรต่อ? ………………………… ………….. … ในสภาพที่กำลังอ่อนแอและโหยหาอย่างที่สุด   คงจะอิ่มเอมดูดดื่มความสุข กอดแน่นจับใจ…

อย่าเชื่อว่าตนเองไม่มีค่า จากคำกล่าวหาของผู้อื่น

อย่าเชื่อว่าตนเองไม่มีค่า จากคำกล่าวหาของผู้อื่น   สำหรับในกรณีที่รักของคุณเป็นการเลิกลาในแบบที่ มีรูปแบบของการเขี่ยทิ้ง คนเรานั้นเวลาที่อยากจะหาเหตุผลเลิก มักจะพยายามขบคิดขุดค้นข้อเสีย เอามายึดถือเป็นเหตุ คนเรานั้นเวลาที่ไม่รักแล้ว นึกอยากจะถือโอกาสเป็นการแก้เผ็ด พูดจาทำร้ายจิตใจให้สาแก่ใจอย่างไรกันก็ได้ หรือบางคนมีปมความโกรธแค้นชัง ก็เผยออกมาต่อว่าต่อกันถือเป็นโอกาส บางคนเวลาเลิกรา ทิ้งคนรักไปกลับยังทิ้งท้ายด้วยคำพูดหยามหยันทำร้ายน้ำใจอีก  คนที่ทำสิ่งนี้มักต้องการเรียกความเชื่อมั่นให้กับการกระทำของตัวเอง ด้วยการทำแบบนี้ หรือไม่ว่าคุณจะเจอสถานการณ์รูปแบบใดก็ตาม ที่ถูกคนรักของคุณหรือคนกลุ่มหนึ่งประนามหยามหยันตัวคุณ จงอย่าได้แคร์ หากว่าสิ่งที่คุณทำ คุณต้องใช้ปัญญาคิดให้ได้ถึงความเป็นจริง ว่าสิ่งที่คุณเป็นมันเป็นเรื่องเลวร้ายเรื่องแย่เกินไปของมนุษย์ที่มีดีมีชั่วจริงหรือ? ขอให้มองอยู่เสมอว่าอย่าให้ความสำคัญกับคนที่พูดจาดูถูกประนามคุณ  เพราะหากแท้จริงแล้วยังมีคนอื่นในโลกนี้อีกมากที่มองเห็นค่าความสำคัญของคุณ เห็นในคุณค่าของคุณ จงอย่าให้ความสำคัญกับคำพูดของคนแค่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวมาเป็นคำตัดสิน จงอย่าหลงกล ในสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณเจ็บปวด  คนที่กล่าวหาประนามคุณนั้นไม่ได้มีค่าอะไรในโลกนี้ที่คุณจะต้องแคร์คำตัดสินหรือวิจารณ์จากเขาเลย จงจำเอาไว้ว่า เราจะดีหรือจะชั่วนั้นอยู่ที่ตัวเราจงไตร่ตรองด้วยสติด้วยปัญญา ไม่ใส่ร้ายตนเองและไม่เข้าข้างตนเอง สิ่งใดที่เรารู้ว่าเราบกพร่องเราก็มีจิตที่จะแก้ไข   สิ่งใดที่เรารู้ว่าเราดีเราก็อย่าไปเชื่อคำคน…

อย่าบูชาคนรักมากเกินกว่าความเป็นจริงของมนุษย์

อย่าบูชาคนรักมากเกินกว่าความเป็นจริงของมนุษย์   เรื่องดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นกับหลายๆคน นั่นก็คือการบูชา คนรักของตนเองเกินความเป็นจริง ค่านิยมชนิดหนึ่งที่มักเป็นกันมากสำหรับคนที่กำลังมีคู่มีคนรักมีความรัก   นั่นก็คือมักจะวาดภาพความรักของตนเองเอาไว้อย่างสวยงาม  พร่ำพรรณาปรุงแต่ง ความเป็นจริงให้สวยงามเลิศหรู รวมถึงอยากจะซื้อใจคนรักของตัวเอง ด้วยการพร่ำพรรณาให้คนรักของตัวเองได้ฟัง อย่างเช่น ยกคนรักของตน ให้เป็นลมหายใจ  ยกคนรักของตนให้เป็นชีวิต ยกคนรักของตนให้เป็นตัวแทนของสิ่งสำคัญต่างๆ วาดภาพไว้ดั่ง เทพบุตรหรือนางฟ้า เป็นสิ่งสูงค่า แทนความงดงามทุกสิ่งในโลก เวลาพบเห็นอะไรก็มักจะให้เป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆ  สร้างมโนภาพปรุงแต่งจินตนาการเหนือความเป็นจริง อุปโลกษณ์สรรค์สร้าง ให้คนรักของตนเองเป็นในสิ่งนั้นเป็นในสิ่งนี้ สิ่งเหล่านี้ จะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดใจมากๆ ในยามที่รักของคุณผิดคาด  หรือพังทลายลง  หรือสูญเสียไป ความรู้สึกที่ฝังลึกในการปรุงแต่ง มันยากที่จะปรับเปลี่ยนได้ทัน สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบคือ ควรที่จะเรียนรู้โลกความเป็นจริง และความเป็นมนุษย์…

มองให้ถ่องแท้ รักหรือหลง

มองให้ถ่องแท้ รักหรือหลง ยามที่คุณกำลังเสียอกเสียใจอยู่กับความรัก บางครั้งคุณอาจต้อง ศึกษาตัวเองให้ดีเสียก่อนว่า สิ่งที่คุณกำลังเป็นนั้นมันมีส่วนผสมของความรักอยู่อย่างไร และส่วนผสมของความหลงอยู่อย่างไร แต่เชื่อหรือไม่ว่าผู้คนมากมายมักไม่ยอมรับตัวเอง ว่าความรักของตัวเองนั้นเป็นแค่เพียงความหลงใหล   ความรักความหลงคืออะไร? ความหลงใหล นั้นก็คือการยึดติดในสิ่งภายนอก ไม่ว่า  จะเป็นความหลงใหลในฐานะเงินทองยศศักดิ์  ความหลงใหลในหน้าตา เรือนร่างรูปโฉม หลงใหลในเสน่ห์นิสัยเอาใจออดอ้อน หรือมีบุคลิคที่ถูกใจในทางรสนิยมที่ตนเองชอบ หลงใหลในความอบอุ่น ที่เขามีให้ หลงใหลในเสน่ห์ ความสนุกสนานของเขา  สิ่งเหล่านี้มักก่อเกิดความหลงใหลได้โดยทั้งสิ้น แม้แต่ความหลงใหลในความผูกพัณธ์ก็ตาม คนบางคน กับลูกแท้ๆแทบไม่เคยพาไปเที่ยว ไม่ค่อยให้เงินลูกใช้ แต่กับกิ๊กหรือแฟนใหม่ ทั้งหลายกลับเอาอกเอาใจ จ่ายเท่า ไหร่เท่ากัน หน้ามืดงมงายหลงอย่างชนิดโงหัวแทบไม่ขึ้น   นี่คือความหลงที่ชัดเจน คนบางคน…

Page 7 of 9