ต้องจัดการกับความเคยชิน

ต้องจัดการกับความเคยชิน   ในระบบร่างกายของมนุษย์เรานี้ จะมีลักษณะทางระบบประสาท ชีวะ และเคมีในร่างกายประการหนึ่ง นั่นก็คือ ความยึดติดกับความเคยชิน มนุษย์เราเวลาต้องทำอะไรที่ซ้ำๆย้ำๆ บ่อยๆหรือคลุกคลีนานๆ ภาวะที่มักจะตามมานั่นก็คือ อาการติด ไม่ว่าจะเป็นอาการจากพฤติกรรมแปลกๆ เช่น ขยิบตา  พยักหน้า หรือบางคนพูดติดอ่าง หรืออาการทั่วๆไปที่ชอบ ทำกริยาแบบหนึ่งในภาวะหนึ่งด้วยความเคยชิน เป็นความติดนิสัย หรือบางคนติดในวิถีชีวิตที่ต้องทำทุกวันหากไม่ได้ทำแล้วจะรู้สึกตะหงิดๆ ค้างคาหรือ ไม่สบายใจ อย่างเช่น ต้องกินสิ่งนี้ทุกวัน  หรือต้องไปซื้อสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วต้องไปที่นี่ที่นั่นก่อนเข้าบ้าน นี่ก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่เป็นการติดในรูปแบบชีวิตประจำวัน แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกว่า ไม่รู้จะทำมันไปทำไมแต่ กลับต้องทำ บางอาการหากไม่ได้ทำหรือฝืนมัน ระบบสมองและประสาทก็จะส่งรูปของอารมณ์ความทรมานต่อความอยากทำ เข้ามารบกวน และที่ยกตัวอย่างเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้คุณได้เข้าใจลักษณะทาง โครงสร้างด้านพฤติกรรม…

ความสันโดษ ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย

ความสันโดษ ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย   สิ่งที่ ผู้คนที่ประสบภาวะอกหักและเสียใจรุนแรง มักต้องเผชิญกับความทุกข์ใจอันหลากหลาย และหนึ่งในนั้นที่มัก เป็นกันมากนั่นก็คือ ความรู้สึกเหงา อ้างว้าง ต้องการความอบอุ่น  และเกลียดความโดดเดี่ยว แน่นอนว่าความรู้สึกที่เคยได้รับจากความรักและการครองคู่นั้นมักเป็นความรู้สึก ของความอยู่ร่วม ความเติมเต็ม ความแบ่งปัน และความอบอุ่น ความข้างเคียง บางคนมองความรักเป็นเหมือน การเติมในสิ่งที่ขาดหาย เป็นสิ่งที่ช่วยทำลายความเหงา เป็นสิ่งที่เพิ่มพลัง และเป็นสิ่งที่ห่มกอดความรู้สึก บางคนมองความรักเหมือนเป็นยารักษาแผลใจ รักษาความเดียวดาย แน่นอนว่าความรักมักจะรักษาและเป็นในสิ่งเหล่านี้ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าคุณยิ่งเสพความรักมากเท่าใด ที่ยึดติดกับความรักมากเท่าใด คุณจะยิ่งเปราะบางและต้องพึ่งพิงความรักมากยิ่งขึ้นเท่านั้น! แท้ที่จริงแล้วในโลกนี้ สิ่งที่สามารถเติมพลังแห่งชีวิตได้ มิใช่มีเพียงแค่ความรักแต่เพียงอย่างเดียว มันยังมีอีกหลายต่อหลายแนวทางดีๆที่มีค่ามีความหมาย ที่คุณจะเสาะแสวงหาเพิ่มพลังให้จิตใจตัวเองได้  …

รู้เท่าทัน ทำความเข้าใจกับภาวะอยากฆ่าตัวตาย

รู้เท่าทัน ทำความเข้าใจกับภาวะอยากฆ่าตัวตาย   การฆ่าตัวตาย นั้นมีแรงผลักดันมาจากหลายประเด็น อย่างเช่น  บุคคลผู้นั้นมีลักษณะนิสัยที่เป็นรากฐานเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย อาจเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรมา เก็บกดง่าย อารมณ์รุนแรง ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ อ่อนไหวง่าย หรือบางคน ไม่ค่อยมีภูมิในการเผชิญอะไร เป็นคนที่อ่อนแอ ชอบร้องไห้คร่ำครวญได้แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย บางคน เป็นคนคิดเยอะ เจอเรื่องอะไรหนักๆแล้วมักแก้ไขความคิดและอารมณ์ไม่ได้ จะสับสนและขยายความคิดฟุ้งซ่าน คิดลึก  เหล่านี้เป็นต้น ที่เป็นพื้นฐานลักษณะนิสัยที่ เอื้ออำนวยต่อ การฆ่าตัวตาย ในยามต้องเผชิญกับปัญหาหนักๆ  ไม่ว่าจะฆ่าตัวตายเพราะหนีปัญหา   หนีความทรมานทางจิตใจ  หรือท้อถอยท้อแท้รู้สึกไม่อยากใช้ชีวิต หรือบางคนก็ฆ่าตัวตายเพื่อสนองความเจ็บแค้น ต้องการประชด หรือต้องการให้คนข้างหลังได้รับความเสียใจ ซึ่งใครที่มีนิสัยพื้นฐานเหล่านี้อยู่ แม้ในวันที่ยังไม่เจอกับปัญหาอะไรขอให้คุณรับรู้ไว้เถิดว่า คุณควรปรับเปลี่ยนนิสัยตั้งแต่วันนี้…

ภาวะอารมณ์เปราะบางเรื้อรัง

ภาวะอารมณ์เปราะบางเรื้อรัง อาการอารมณ์แปรปรวนง่าย อารมณ์เปราะบาง และฟุ้งซ่านง่าย ขยายความคิด คิดเล็กคิดน้อยคิดเยอะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นคนแบบนี้  นั้นมีสาเหตุใหญ่ประการหนึ่ง ซึ่งอาจมีสาเหตุได้จากการ เคยผ่านการเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน และรักษาหายบางส่วนโดยที่บางส่วนยังไม่ได้รับการแก้ไข  อาจมีปมลึกแผลใจ รวมถึงไม่ได้ทำกระบวนการบำบัดอารมณ์ อย่างถูกต้อง จริงอยู่ว่าแม้ว่าคุณอาจจะใช้วันเวลาเยียวยาเรื่องเก่าๆในอดีต ให้ลืมเลือนไปหลายส่วน และเกียจคร้านที่จะทุกข์กับมัน หรือเก็บมันมาคิดอีก หรือคุณอาจได้ข้อคิดแนวทางชีวิตใหม่ๆที่ทำให้คุณสลัดเรื่องที่เคยคิดมากจนซึมเศร้าไปได้ แต่ทว่า ในบางส่วนอาจยังไม่ได้รับการจัดการแก้ไข ควรทราบว่า ระบบกลไกลของประสาทสมองของคนเรานั้นมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก  และปะปนไปด้วยรหัสความคิดด้วยรูปของความคิดที่ไม่ใช่ภาษา  แต่เป็นรหัสการประมวลผลต่างๆในสมอง ที่เกิดขึ้นเร็วเป็นโครงสร้าง  ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงและเรื้อรังยาวนาน มักจะทำลายโครงสร้างอันเป็นธรรมชาตินี้ไปอย่างไม่รู้ตัว  จนโครงสร้างผิดเพี้ยนไปจากเดิม บางคนเคยเป็นคนที่ร่าเริงเบิกบาน ไม่ถือสากับหลายๆเรื่อง เป็นคนที่แจ่มใสและมีความคิด มีความรู้สึกในด้านบวก แต่ต่อมาเมื่อชีวิตเจอกับเรื่องสะเทือนใจ  ก็กลับกลายเป็นคนฉุนเฉียวเก็บกด…

อย่าเชื่อว่าตนเองไม่มีค่า จากคำกล่าวหาของผู้อื่น

อย่าเชื่อว่าตนเองไม่มีค่า จากคำกล่าวหาของผู้อื่น   สำหรับในกรณีที่รักของคุณเป็นการเลิกลาในแบบที่ มีรูปแบบของการเขี่ยทิ้ง คนเรานั้นเวลาที่อยากจะหาเหตุผลเลิก มักจะพยายามขบคิดขุดค้นข้อเสีย เอามายึดถือเป็นเหตุ คนเรานั้นเวลาที่ไม่รักแล้ว นึกอยากจะถือโอกาสเป็นการแก้เผ็ด พูดจาทำร้ายจิตใจให้สาแก่ใจอย่างไรกันก็ได้ หรือบางคนมีปมความโกรธแค้นชัง ก็เผยออกมาต่อว่าต่อกันถือเป็นโอกาส บางคนเวลาเลิกรา ทิ้งคนรักไปกลับยังทิ้งท้ายด้วยคำพูดหยามหยันทำร้ายน้ำใจอีก  คนที่ทำสิ่งนี้มักต้องการเรียกความเชื่อมั่นให้กับการกระทำของตัวเอง ด้วยการทำแบบนี้ หรือไม่ว่าคุณจะเจอสถานการณ์รูปแบบใดก็ตาม ที่ถูกคนรักของคุณหรือคนกลุ่มหนึ่งประนามหยามหยันตัวคุณ จงอย่าได้แคร์ หากว่าสิ่งที่คุณทำ คุณต้องใช้ปัญญาคิดให้ได้ถึงความเป็นจริง ว่าสิ่งที่คุณเป็นมันเป็นเรื่องเลวร้ายเรื่องแย่เกินไปของมนุษย์ที่มีดีมีชั่วจริงหรือ? ขอให้มองอยู่เสมอว่าอย่าให้ความสำคัญกับคนที่พูดจาดูถูกประนามคุณ  เพราะหากแท้จริงแล้วยังมีคนอื่นในโลกนี้อีกมากที่มองเห็นค่าความสำคัญของคุณ เห็นในคุณค่าของคุณ จงอย่าให้ความสำคัญกับคำพูดของคนแค่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวมาเป็นคำตัดสิน จงอย่าหลงกล ในสิ่งที่พวกเขาต้องการให้คุณเจ็บปวด  คนที่กล่าวหาประนามคุณนั้นไม่ได้มีค่าอะไรในโลกนี้ที่คุณจะต้องแคร์คำตัดสินหรือวิจารณ์จากเขาเลย จงจำเอาไว้ว่า เราจะดีหรือจะชั่วนั้นอยู่ที่ตัวเราจงไตร่ตรองด้วยสติด้วยปัญญา ไม่ใส่ร้ายตนเองและไม่เข้าข้างตนเอง สิ่งใดที่เรารู้ว่าเราบกพร่องเราก็มีจิตที่จะแก้ไข   สิ่งใดที่เรารู้ว่าเราดีเราก็อย่าไปเชื่อคำคน…

มองให้ถ่องแท้ รักหรือหลง

มองให้ถ่องแท้ รักหรือหลง ยามที่คุณกำลังเสียอกเสียใจอยู่กับความรัก บางครั้งคุณอาจต้อง ศึกษาตัวเองให้ดีเสียก่อนว่า สิ่งที่คุณกำลังเป็นนั้นมันมีส่วนผสมของความรักอยู่อย่างไร และส่วนผสมของความหลงอยู่อย่างไร แต่เชื่อหรือไม่ว่าผู้คนมากมายมักไม่ยอมรับตัวเอง ว่าความรักของตัวเองนั้นเป็นแค่เพียงความหลงใหล   ความรักความหลงคืออะไร? ความหลงใหล นั้นก็คือการยึดติดในสิ่งภายนอก ไม่ว่า  จะเป็นความหลงใหลในฐานะเงินทองยศศักดิ์  ความหลงใหลในหน้าตา เรือนร่างรูปโฉม หลงใหลในเสน่ห์นิสัยเอาใจออดอ้อน หรือมีบุคลิคที่ถูกใจในทางรสนิยมที่ตนเองชอบ หลงใหลในความอบอุ่น ที่เขามีให้ หลงใหลในเสน่ห์ ความสนุกสนานของเขา  สิ่งเหล่านี้มักก่อเกิดความหลงใหลได้โดยทั้งสิ้น แม้แต่ความหลงใหลในความผูกพัณธ์ก็ตาม คนบางคน กับลูกแท้ๆแทบไม่เคยพาไปเที่ยว ไม่ค่อยให้เงินลูกใช้ แต่กับกิ๊กหรือแฟนใหม่ ทั้งหลายกลับเอาอกเอาใจ จ่ายเท่า ไหร่เท่ากัน หน้ามืดงมงายหลงอย่างชนิดโงหัวแทบไม่ขึ้น   นี่คือความหลงที่ชัดเจน คนบางคน…

การรู้ทันรหัสเริ่มแรกของความคิดที่จะชักนำสู่ความฟุ้งซ่าน

การรู้ทันรหัสเริ่มแรกของความคิดที่จะชักนำสู่ความฟุ้งซ่าน   เมื่อคุณได้ทำการรักษาจิตใจตัวเองได้ในระดับนึงแล้ว สิ่งที่เหลือที่คุณอาจยังจะต้องเผชิญต่อ นั่นก็คือภาวะฉุกคิด เผลอตัวและซึมเศร้าได้ในบางเวลา บางคนถูกเรื่องราวในอดีตคอยตามหลอกหลอน คอยตามทำร้ายจิตใจเป็นพักๆ  แม้ว่าจะทำใจลืมได้ช่วงระยะเวลานึงแต่ก็ มักมีลักษณะของจิตใจย่ำแย่วนเวียนแวะมาเป็นพักๆ การสกัด รู้เท่าทันภาวะเริ่มแรกของจิตใจที่กำลังจะปรับเข้าสู่ความเป็นทุกข์ใจในลักษณะนี้นั้น ถือเป็นวิธีที่ผู้ใช้ต้องมีความชำนาญในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ยากเกินไปนัก ขอเพียงต้องมีความตั้งใจฝึกฝนตนเอง   ก่อนอื่น    เราต้องทำความเข้าใจถึงลักษณะ ของการเข้าสู่ภาวะของจิตใจที่เป็นทุกข์ก่อน ลักษณะของคนทั่วไปนั้นก่อนที่จะเริ่มกระบวนการย้อนคิด  คิดถึงเรื่องกลุ้ม หรือคิดในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ มันจะมีการรวบรวมองค์ประกอบเล็กๆละเอียดๆ จากนั้นค่อยๆฟุ้งซ่านเพิ่มขึ้นก่อตัวมากขึ้น จนนำสู่ภาวะซึมเศร้า   อย่างเช่นการได้ไปเห็นบางสิ่ง ที่สะกิดใจให้ฉุกคิดถึงความหลัง หรือการได้เห็นบางอย่างที่ สะท้อนถึงตัวเอง   หรือการได้สัมผัสบรรยากาศบางอย่างที่นำสู่ความนึกถึง หรือแม้แต่บางครั้งสมองของคนเราก็นำความคิดมาให้ดื้อๆแบบไร้เหตุไร้ผลเลยก็มี   ดังนั้น ทุกครั้งที่คุณเผลอทำให้ความรู้สึกนึกคิดในความหลังความเก่า…

ควรปล่อยให้ผู้ป่วยได้อยู่คนเดียวบ้าง

ควรปล่อยให้ผู้ป่วยได้อยู่คนเดียวบ้าง แน่นอนว่าการคอยอยู่เป็นเพื่อนผู้ป่วยซึมเศร้า  และไม่ควรปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพังนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่าบางจังหวะของเวลา คุณก็ควรที่จะให้เขาได้อยู่กับตัวเองบ้างเพื่อมีสมาธิที่จะเข้าใจตัวของเขาเอง สิ่งที่ผู้ดูแลหรือญาติพี่น้องข้างเคียงควรทำนั่นก็คือ การคอยให้คำชี้แนะเตือนสติและให้ความรู้ให้ปัญญากับเขาเป็นระยะๆ แต่ต้องเปิดเวลาให้เขาได้ใช้ปัญญาเหล่านั้นด้วยตนเอง เฝ้าดูเขาในลักษณะที่ไม่ให้ถึงกับเป็นการลำพังแต่ก็มิใช่เป็นการรบกวนเขาจนเกินไป เฝ้าดูเขาห่างๆแต่อยู่ในระยะที่มองเห็นสามารถเข้าป้องปรามเหตุร้ายต่างๆได้ทันท่วงที อาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า นั้นแตกต่างจากการซึมเศร้าธรรมดาทั่วไป การซึมเศร้าธรรมดาทั่วไป อาจใช้วิธีที่คนรอบข้างเข้ามารุมมาช่วยกันทำให้ผู้ซึมเศร้า ลืมความทุกข์เศร้าไปได้ ด้วยการพยายามช่วยกันทำให้เขาสนุกสนาน สร้างความครึกครื้นให้เขา นำความบันเทิงต่างๆมาให้เขาหรือชวนเขาไปเที่ยว เหล่านี้เป็นต้น แต่ทว่าสำหรับคนที่เป็นถึงขั้นโรคซึมเศร้า นั้นจะมีรูปแบบของโครงสร้างที่ซับซ้อนและฝังลึกในปมของจิตใจ แม้ว่าผู้ป่วยจะถูกภาวะของความครึกครื้นรุมล้อม แต่จิตของเขาจะยังคงคิดอย่างไม่หยุดยั้ง และยิ่งถูกรบกวนยิ่งสับสน ยิ่งสับสนยิ่งเครียดและสมองยิ่งล้า เขาจะใช้งานประสาทสมองหนักมาก ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นจะมีระดับขั้นต่างๆ หากอยู่ในระดับที่ซักซ้อมความคิดเรื่องทุกข์เศร้า วนเวียนย้ำคิด แบบนี้ไม่ควรปล่อยให้อยู่ลำพัง แต่สิ่งที่ต้องทำคือต้องรีบชี้แนะเขา บำบัดรักษาเขาด้วยกระบวนวิธีที่ถูกต้อง จากผู้รู้ผู้ที่มีความเข้าใจ จงระลึกไว้เสมอว่า อาการทางจิตคือสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าภายนอกไม่เห็น…

จงฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์

จงฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์   การฝึกรักความสุขและฝึกเกียจคร้านที่จะทุกข์นั้นก่อนอื่นต้องแยกให้ออกก่อนว่า มิใช่หมายถึงการเป็นคนเอาแต่รักสนุกเหลวไหล และเกียจคร้านไม่ยอมเผชิญกับงานหนักหรือภาระหน้าที่สำคัญใดที่ต้องเจอความทุกข์ การฝึกในที่นี้หมายถึงการฝึกรักที่จะมีความสุขในเวลาและกาละที่เหมาะสม มีสุขกับสิ่งที่งดงามสะอาดบริสุทธิ์ และมีค่า มิใช่มักมากในสิ่งสนุกในทางที่ทำลายคุณค่าของตนเอง และจงเกียจคร้านที่จะทุกข์กับสิ่งที่ไม่ควรจะไปทุกข์ เชื่อได้ว่าหลายๆคนที่กำลังตกอยู่ใน โรคซึมเศร้า ทำความรู้สึกหลายประการหายไปนั้น  ชีวิตของคุณน่าจะคงเคยสัมผัสมาแล้ว กับสภาพของจิตใจของตัวเองในอดีต ที่เคยเป็นคนรักสนุกรักอะไรง่ายๆสบายๆ และเกียจคร้านที่จะคิดเรื่องความเครียดความทุกข์ให้ยุ่งยาก และในขณะที่วันนี้คุณหมองเศร้า ไม่สามารถที่จะจับอารมณ์แบบนั้นได้เลย หรือได้ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ทำไปก็วนเวียนกลับมาซึมเศร้าใหม่   คุณยังคงไม่ใส่ใจสนใจที่จะจริงจังกับการบำบัดความรู้สึกกระตุ้นต่อมความรู้สึกของตัวเอง เท่าที่ควร และคุณอาจจะแอบหวังลึกๆว่าสักวันอาการซึมเศร้ามันคงจะหายไปเอง และคุณจะกลับไปเป็นคนที่ร่าเริงปรกติได้เอง แม้ว่าคุณจะเฝ้ารอแล้วเฝ้ารอเล่าแต่มันก็ไม่ได้สักที   หากคุณคิดแบบนี้ล่ะก็ นับว่าอันตรายมาก ที่ว่าอันตรายก็คือ   คนเรานั้นจะมีต่อมรับรสความสุข ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่มหัศจรรย์มากๆของมนุษย์ ซึ่งมันสามารถรับรู้รหัสที่ละเอียดยิบปลีกย่อย และรวดเร็ว…

มองให้เห็นบ่อเหตุของความทุกข์

มองให้เห็นบ่อเหตุของความทุกข์ การมองให้เห็นถึงบ่อเหตุแห่งทุกข์นั้นถือเป็น การจัดการที่มีคุณประโยชน์สูงมากในการจัดการกลไกลทางจิตใจ โดยปรกติแล้วคนที่ต้องตกเป็นโรคเครียดซึมเศร้าเรื้อรังรุนแรง มักเกิดจากปัญหาที่ซับซ้อน และหลากหลายรุมสุมทรวง การพิจารณาบ่อเหตุของทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิตใจ จะสามารถ คัดแยกวิเคราะและจัดการกับกลไกลได้ถูกจุด และมองเห็นแผล มองเห็นตัวปัญหาที่ซ่อนลึกอยู่ในปมของจิตใจได้ แต่การที่จะพิจารณาให้เห็นถึงบ่อเหตุในจิตใจนั้น ผู้ฝึกจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนให้จิตใจเกิดสมาธิขึ้นให้ได้ แม้จะยังว้าวุ่นใจ แต่ก็ขอให้ฝึกพอเพียงที่จะเกิดสมาธิที่สงบได้สักช่วงหนึ่ง เพื่อสร้างสภาวะที่เหมาะสมที่จะมองเห็นบ่อเหตุของความทุกข์ได้ และเมื่อใจเริ่มมีสภาวะเป็นสมาธิแล้ว จึงค่อยๆก่อเกิดสติ ลำเลียงจิต ไตร่ตรอง  หาเหตุว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อย่างเช่น บางคนที่กำลังทุกข์เพราะถูกคนรักหักหลังทรยศ ก็ให้เราค้นหาคำตอบก่อนว่า ทำไมเราจึงเจ็บเพราะสิ่งนี้  เราเจ็บตรงไหน  เราเจ็บที่ไม่มีเขาอยู่ใกล้ใช่หรือไม่ แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  นั่นเพราะเราหลงใหลในสุขในยามมีเขาอยู่ใกล้ใช่หรือไม่ และทำไมเราจึงมีสุขในยามที่เขาอยู่ใกล้  นั่นเพราะเรายึดติดสิ่งใดในตัวเขา  เรามีความรังเกียจความโดดเดี่ยวใช่หรือไม่ เราค่อยๆคิดถึงเหตุที่ทำให้เราทุกข์ไปเรื่อยๆ  โดยอาศัยการคิดแบบนี้เชื่อมโยงให้ลึกลงไปเรื่อยๆ ซึ่งสามารถนำไปคิดได้ทั้งในคนที่พบเจอความทุกข์จากเรื่องอื่นๆ…

Page 1 of 2

  • 1
  • 2