ยิ่งทระนงยิ่งไม่ยอมรับตัวเอง จะยิ่งหลงทาง อาการทระนง และไม่ยอมรับความอ่อนแอของตนเองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน หลายสิ่งหลายอย่างภายในจิตใจทั้งที่รู้ตัวเองอยู่ลึกๆและทั้งที่ไม่รู้ตัวเองไม่ยอมรับตัวเองนั้น ในคืนวันแรกที่คนเราเสียใจ มักจะปากแข็งใจแข็งไม่ยอมรับอาการต่างๆในจิตใจตนเอง และคนอกหักในระยะเริ่มแรกที่ยังสับสน ก็มักจะเป็นแบบนี้ ไม่อยากมองเห็นตัวเองแพ้ไม่อยากมองเห็นตัวเองอ่อนแอ ไม่อยากมองเห็นตัวเองหวั่นไหว แต่ในที่สุดความเก็บกดของคืนวันแสะสถานการณ์ที่มากขึ้น มันมักจะทำให้ผู้คนยอมแพ้ที่จะเผยความเป็นจริงออกมา หลายคนที่กลั้นน้ำตาอยู่นานพอสกัดไม่อยู่กลับกลายเป็นอ่อนแออย่างมากมาย ราวกับคนขวัญเสีย กลับกลายเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนอย่างหนักควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ แท้จริงแล้ว การแสดงออกมาถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเรา นั้นคือหนทางที่เกิดประโยชน์ในการแก้ไขบำบัดเยียวยาจิตใจ เพราะหากเราปิดบัง ภาวะอาการทั้งหมดภายในจิตใจนั้นย่อมไม่เกิดการแก้ไขรักษา รวมถึงการเรียนรู้เข้าใจ และที่สำคัญ หากว่าตัวเรายอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับเรา เราก็จะสามารถจัดการกับอาการเริ่มแรกนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นแบบแผนขั้นตอน เช่นว่าเรารุ้ตัวเองว่าเราแคร์ในสิ่งใดและเรายอมรับตัวเอง เราก็จะได้โอกาสที่จะสอนตัวเองให้เรียนรุ้ที่จะทำใจและปรับทัศนคติใหม่ แต่หากเราไม่ยอมรับตัวเองแล้วล่ะก็ สิ่งต่างๆจะสะสมอยู่มากมายและอัดอั้นระเบิดออก อารมณ์สารพัดที่ซับซ้อนจะพรั่งพรูออกมา อย่างรับมือได้ยากขึ้นมาก และเสียใจหนัก หากคุณกำลังเริ่มรู้สึกสับสนและกำลังเผชิญกับอาการอกหักในระยะแรก จงรีบสังเกตุตัวเองด้วยความเป็นจริงและตามติดคอยช่วยเหลือจิตใจของตนเองทุกระยะ แต่ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่าการเผยออกมานั้น…
อย่าเสื่อมต่ำเพราะความผิดหวัง พฤติกรรม ทำลายชีวิตตัวเองให้เสื่อมต่ำ ในยามผิดหวัง อกหัก เสียใจ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าอนาถที่สุด ที่มีผู้หลงผิดเป็นไปกับความล่อลวงของจิตใจอยู่มากมาย บางคนเศร้าซึม หมดอาลัยตายอยาก ทำตัวพ่ายแพ้ ทิ้งขว้างชีวิตไปวันๆ บางคนโกรธแค้นชีวิต ทำร้ายชีวิตตัวเองประชด เสพของมึนเมา ทิ้งหน้าที่งานการ ทำลายทรัพย์สิน ทำลายโอกาสสารพัด บางคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว มั่วกามราคะ แบบทำลายเกรียติและศักดิ์ศรี ประชดชีวิต บางคนเคยเป็นคนที่ดี บางคนสุภาพอ่อนโยน กลับกลายเป็นก้าวร้าวกักขระ บางคนหนักเข้ากลายเป็นทำพฤติกรรม ขู่อาฆาต นินทาว่าร้าย หรือทำร้ายตบตี แย่งชิง คร่ำครวญ เรียกร้องความสนใจ คลุ้มคลั่ง หมกมุ่นอยู่ในวิถีที่ ไม่เคยทำตัวแบบนี้…
หยุดซักซ้อมใคร่ครวญหาความถูกผิด อาการซักซ้อมความคิด ไตร่ตรองหา ความถูกผิด คือลักษณะที่เป็นกันมากสำหรับผู้ ที่อกหักร้างรา เลิกกัน หรือถูกทิ้ง อันเนื่องมาจากสิ่งที่ไม่ลงรอยกัน ผู้ที่ติดอยู่ในอาการนี้มักจะชอบย้ำคิด ทบทวนไตร่ตรอง หยิบจับรายละเอียดต่างๆในเรื่องที่ผ่านมา เฝ้าใคร่ครวญ ว่าอะไรเป็นเพราะอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆใครผิด? บางราย ชอบที่จะย้อนเวลา ไปตามเก็บสิ่งที่เป็นเรื่องที่ตนเป็นฝ่ายถูกมาสะสมเอาไว้ และรวบรวมความผิดของฝ่ายตรงข้าม บางราย ชอบที่จะโทษตัวเอง เอาเรื่องราวต่างๆมาปะติดปะต่อขบคิด แล้วเก็บรายละเอียดต่างๆที่คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดแล้วเอามาโทษตัวเอง เสียใจคร่ำครวญ บางรายเฝ้าย้อนคิดเรื่องเดิมๆทวนไปทวนมาอยู่ตลอดเวลาเพื่ออยากจะรู้สาเหตุของสิ่งต่างๆ และมักจะโทษไปทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไม่ว่าตัวเอง หรือฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่ผู้คนอื่นๆ สภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่การแก้ไขจิตใจให้ดีขึ้นได้แต่อย่างใด มีแต่จะเลวร้ายลง และเป็นคนจำจดปักใจเชื่ออยู่กับความคิด สะสมความโกรธความแค้นความเกลียด สะสมความหดหู่สะสมความเศร้า สะสมความหมดอาลัยตายอยาก…
ความยอมจมกับความทุกข์เพราะหวงและเสพติดฟิลลิ่งที่ซาบซึ้ง อาการยึดติดต่อภาวะที่รู้สึกซาบซึ้งนั้นเป็นภาวะอาการที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนที่ อกหักซึมเศร้าเรื้อรัง ลักษณะของอาการก็คือ ชอบวนเวียนคิดถึงแต่เรื่องที่ซาบซึ้งวนเวียนคิดถึงความอยู่ร่วม ความผูกพัณธ์ เรื่องที่เคยซาบซึ้งโรแมนติค เรื่องที่เป็นความรัก เฝ้าที่จะเทิดทูลให้สูงในจิตใจ เช่นความคิดที่ปักใจว่า ไม่ว่าอย่างไรฉันจะรักเธอตลอดไป ไม่ว่าอย่างไรฉันจะตามรักเธอมากที่สุด แต่ทว่า! ทั้งๆที่คนที่คุณรัก แต่ปัจจุบันเขานั้นกลับไม่รักคุณเลย แม้แต่ในวินาทีที่คุณจมปลักอยู่กับความเศร้าเสียใจ เขาหาได้แยแสแม้แต่นิด ในขณะที่คุณเศร้าแต่เขา ระเริงสุขในที่ต่างๆ แต่ผู้คนหลายคนที่เสียคนรักไปรู้ทั้งรู้ว่าอะไรมันเป็นยังไง แต่ใจมันกลับดื้อดึงไม่เชื่อฟังยังคงตามเทิดทูลตามรักปักใจคิดถึงเขา อยากจะทำเรื่องซาบซึ้งเช่น อยากวิงวอนขอเห็นหน้าเขาก็ยังดี หรือขอแค่ได้คุยสักนิดนึง หรือขอโทรศัพท์ไปหา มีภาวะอาการแบบผู้ยอมเจ็บยอมปวด แม้ว่าจะกลายเป็นฝ่ายที่ตามรักข้างเดียว และส่วนมากก็มักจะถูกอีกฝ่ายรำคาญ จนต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า รำพึงรำพันคนเดียวในจดหมายบ้าง อัดวีดีโอบ้าง…
ระวังมนต์เพลงที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์อกหัก ในช่วงเวลาที่คุณต้องตกอยู่ภายใต้ความเสียใจ ขอให้ตระหนักไว้อย่างเคร่งครัดว่า สภาพของจิตใจคนในช่วงเวลาที่อ่อนไหวและเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะคนที่ยิ่งเอาตัวเองไปจมความ เครียดซึมเศร้ามาอย่างหนักได้เรื้อรังยาวนานมาหลายวันนั้น สภาพประสาทสมองระบบความคิดความอ่าน และระบบสารเคมี และอารมณ์ของคุณ จะไม่ปรกติ นี่คือเรื่องจริง โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว ขอย้ำว่าไม่ปรกติอย่างแน่นอน! ที่ต้องย้ำก็เพราะว่า คนเราโดยทั่วไปเกือบแทบทุกคนจะไม่รู้ตัวเอง จะคิดว่าตัวเองปรกติ หรือแม้แต่บางคนที่มีจิตนิสัยคิดว่าตัวเองแน่ตัวเองเก่ง ตัวเองควบคุมได้ คนเหล่านี้ก็มักจะ ไม่เชื่อ และทำการเอาสภาพของอาการที่ไม่สมบรูณ์ทางจิตใจ ไปเที่ยวเผชิญกับ ปัจจัยภายนอกต่างๆ อย่างขาดการรู้เท่าทันถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น และปัจจัยภายนอกที่จะสามารถส่งผลดีร้ายกระทบได้กับตัวคุณ ในภาวะที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าได้ นั่นก็มีอยู่หลายอย่าง ที่คุณควจจะต้องตระหนักว่าไม่ควรสัมผัสในขณะที่ อารมณ์ของคุณยังอยู่เหนือเหตุผลและวิจารณญาณ และสิ่งภายนอกที่เราจะยกมากล่าวถึง ในที่นี้ นั่นก็คือ” เสียงเพลง” ซึ่งถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรต้องระมัดระวังให้มากๆ การฟังเพลงในภาวะของโรคซึมเศร้า…
ไม่พรากจากกันวันนี้ก็พรากจากกันวันหน้า ความเป็นจริงอันเป็นสัจธรรมของโลกนี้นั้น ก็คือ ชีวิตเรานั้นล้วนไม่มีสิ่งใดที่เราสามารถเอาไปได้ทั้งนั้น ยามมาเกิดเรามาเกิดคนเดียว ยามตายเราก็ต้องตายไปคนเดียวและเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ทั้งสิ้น ยามเผาหรือยามฝัง ร่างแหลกสลายเป็นผุยผง กลมกลืนไปกับธรรมชาติ เป็นเพียงเท่านั้น ชีวิตของคนเกิดมาหนหนึ่ง ได้พบความรัก ได้พบการอยู่ร่วม ได้เจอกับผู้คนหลายหลาก และอาจได้ครองคู่ แต่ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายย่อมต้องต่างคนต่างพบวันที่ตายจากกัน คนเรานั้นบางครั้งเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ จมอยู่กับความทุกข์ยาวนานพ่ายแพ้ชีวิต ทำตัวดุจดั่งราวกับโลกนี้แตกสลาย ในใจคาดหวังอยากจะฝืนหลอกความเป็นจริง คิดว่าหากได้คู่ครองกลับมา โลกนี้จะมีความสุขนิรันดร์ จะมีสุขนิรันดร์จริงหรือ? แต่แท้จริง ในความเป็นจริงของโลกนี้ แม้ต่อให้ฝันของคุณเป็นจริง คุณได้คนรักกลับมาแล้วอย่างไรต่อ? ………………………… ………….. … ในสภาพที่กำลังอ่อนแอและโหยหาอย่างที่สุด คงจะอิ่มเอมดูดดื่มความสุข กอดแน่นจับใจ…
อย่าบูชาคนรักมากเกินกว่าความเป็นจริงของมนุษย์ เรื่องดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นกับหลายๆคน นั่นก็คือการบูชา คนรักของตนเองเกินความเป็นจริง ค่านิยมชนิดหนึ่งที่มักเป็นกันมากสำหรับคนที่กำลังมีคู่มีคนรักมีความรัก นั่นก็คือมักจะวาดภาพความรักของตนเองเอาไว้อย่างสวยงาม พร่ำพรรณาปรุงแต่ง ความเป็นจริงให้สวยงามเลิศหรู รวมถึงอยากจะซื้อใจคนรักของตัวเอง ด้วยการพร่ำพรรณาให้คนรักของตัวเองได้ฟัง อย่างเช่น ยกคนรักของตน ให้เป็นลมหายใจ ยกคนรักของตนให้เป็นชีวิต ยกคนรักของตนให้เป็นตัวแทนของสิ่งสำคัญต่างๆ วาดภาพไว้ดั่ง เทพบุตรหรือนางฟ้า เป็นสิ่งสูงค่า แทนความงดงามทุกสิ่งในโลก เวลาพบเห็นอะไรก็มักจะให้เป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆ สร้างมโนภาพปรุงแต่งจินตนาการเหนือความเป็นจริง อุปโลกษณ์สรรค์สร้าง ให้คนรักของตนเองเป็นในสิ่งนั้นเป็นในสิ่งนี้ สิ่งเหล่านี้ จะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดใจมากๆ ในยามที่รักของคุณผิดคาด หรือพังทลายลง หรือสูญเสียไป ความรู้สึกที่ฝังลึกในการปรุงแต่ง มันยากที่จะปรับเปลี่ยนได้ทัน สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบคือ ควรที่จะเรียนรู้โลกความเป็นจริง และความเป็นมนุษย์…