ความคืบหน้าคดี ลูกชายเจ้าสัวกระทิงแดงขับรถชนตำรวจ

Tagged:

ความคืบหน้าคดี ลูกชายเจ้าสัวกระทิงแดงขับรถชนตำรวจ

 

ลูกกระทิงแดง-3

มาถึงวันนี้ 12/02/2556 ข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ได้เริ่มเงียบหายไปจากกระแสสังคมไทยแล้ว แต่ ยังคงมีประเด็นที่ค้างคา ที่สังคมต้องการคำตอบ เกี่ยวกับคดีที่ลูกชายเจ้าสัวกระทิงแดงขับรถเฟอร์รารี่ พุ่งชนตำรวจลากยาว ไปหลายเมตร ดับอย่างสยดสยองทั้งเครื่องแบบ แล้วขับรถหนีหายเลี้ยวเข้าบ้านไป

ซึ่งรูปคดีนั้นได้ดำเนินถึงจุดที่ ผู้ต้องหา คือ นาย วรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส  บุตรชายคนเล็กอายุ27ปี ของนายเฉลิม อยู่วิทยาได้ออกมารับสารภาพแล้วว่าเป็นคนขับรถชนจริงๆ หลังจากที่คดีนี้ได้มีการใช้ชั้นเชิง มีการเคลื่อนไหวในการพยายามจะหาแพะมาเป็นตัวแทน และกบดานเงียบอยู่นาน และจากนั้นก็มีเนื้อหาข่าวเกี่ยวกับการแสดงความเสียใจ รวมจนถึงการแสดงความต้องการเยียวยาด้วยเงินทอง แต่ทว่า ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้เสียชีวิตนั้น  ไม่มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรส และไม่มีลูกรวมถึง บิดาและมารดาได้เสียไปแล้ว

ลูกกระทิงแดง-2

ซึ่งจนถึงในขณะนี้เรื่องต่างๆยังคง ถูกลากยาวใช้เวลาในชั้นศาลตามเคย ตามสไตล์สำหรับคดีของผู้มีชื่อเสียงและอิทธิพล ในประเทศของเรา  รวมถึงผู้ตายก็ไม่มีครอบครัวที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้ถึงที่สุด มีเพียงเพื่อนตำรวจด้วยกันหลายนาย ที่ช่วยกันต่อสู้หาความยุติธรรมให้ ในขณะที่ หัวหน้าตำรวจชุดดำเนินคดีได้ออกมายอมรับว่า ได้มีคนใหญ่คนโตได้โทรศัพท์เข้ามาขอไกล่เกลี่ยคดีอีกด้วย

ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าคดีนี้หากเป็นลุกตาสีตาสาทั่วไป คงถุกตำรวจบุกเข้าไปจับถึงภายในบ้านและดำเนินคดีติดคุกเร็วพลัน แต่สำหรับกรณีนี้ตำรวจ ไม่สามารถที่จะเข้าไปในบ้านได้ต้องใช้กำลังตำรวจถึง200นาย ปิดล้อมกดดัน ท่ามกลางความเดือดดาลของ ผู้บัญชาการตำรวจที่ถึงกับลั่นวาจาว่า จับไม่ได้ขอลาออก

ลูกกระทิงแดง

นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆที่ค้างคาอยู่นั่นก็คือ กรณีที่ สวป.ซึ่งเป็นคนสนิทของตระกูลอยู่วิทยา คือ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง ได้ทำการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา โดยการนำตัวนายสุเวช หอมอุบล อายุ45ปี ซึ่งเป็นคนในบ้าน ออกมาสวมรอยรับผิดแทน ทั้งๆที่ผู้ตายเป็นตำรวจใน สน.ของตนเอง  ซึ่งความรับผิดชอบในความผิดครั้งนี้นั้น ลามไปได้ถึง ผู้กำกับ สน.ทองหล่ออีกด้วย ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้ว จะมีการดำเนินการกับตำรวจที่ประพฤติผิดเช่นนี้อย่างไร โดยในเบื้องต้นขณะนี้ได้รับโทษคือการออกจากราชการไว้ก่อน

รวมถึงในรูปคดี ขณะนี้ทางฝ่ายผู้ต้องหาได้พยายามสู้คดี ว่าด้วย การชนครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเจตนาหรือไม่ อีกทั้งมีสารเสพติดขณะขับขี่หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า การต่อสู้ในประเด็นนี้ย่อมจะเกิดผลต่างของโทษที่จะได้รับแน่นอน และผลล่าสุด คือการตรวจหาสารเสพติดได้ออกมาแล้วว่า ผู้ต้องหามีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกำหนด

แต่อย่างไรก็ตามเกิดคำถามในสังคมว่า เหตุใดเมื่อชนตำรวจแล้วยังขับรถต่อลากตำรวจไปไกล จนถึงแก่ความตาย และคดีนี้จะไปสิ้นสุดอย่างไร นั่นคือสิ่งที่สังคมยังเฝ้ารอคำตอบ

 

 

Leave a Comment

Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).