จิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น by Uncategorized, บทความเด่น | 2 Comments Tagged: กลุ้มใจไม่หาย, ซึมเศร้าไม่หาย, เครียดไม่หาย, โรคซึมเศร้าเรื้อรัง รักษาไม่หายสักทีจิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น เคยสงสัยและถามตัวเองไหมว่า ในวันที่ฉันซึมเศร้า บางครั้งฉันอยู่คุยกับตัวเอง คิดต่างๆนาๆ จน วันนึงโชคดี เกิดความคิดแนวทางใหม่ เกิดแรงตั้งใจใหม่ให้กับชีวิต รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำใจได้ และเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ใช่คนที่จมเจ่าในความทุกข์อีก ความคิดเหล่านั้นซึมซาบในความรู้สึกในอารมณ์ ทำให้จิตใจมีพลังและสุขล้น แต่แล้ว เพียงผ่านไปไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน หรือแม้แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง กลับมาซึมเศร้าอีกแล้ว? สำหรับลักษณะอาการแบบนี้นั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆที่ร่วมเกี่ยวข้อง ซึ่งในบทอื่นๆเราได้กล่าวถึงปัจจัยประกอบต่างๆ แต่สำหรับบทนี้เรา จะมาทำความเข้าใจกับสาเหตุสำคัญใหญ่ๆ อีกสาเหตุหนึ่งนั่นก็คือ “การไม่ ยึดมั่นในวิถีชีวิต” บางครั้งเราอาจไม่รู้เท่าทัน ว่าชีวิตที่หายจากความทุกข์เศร้า ชีวิตที่ลุกขึ้นยืนได้ และมีแรงใจประดุจดั่งความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่ ชีวิตแบบนี้นั้นเกิดขึ้นได้จากครรลองใหม่ ที่เราควรจะต้องรักษา และหล่อเลี้ยงตลอดไป วันใดที่เรากลับไปคลุกคลีครรลองแบบเก่าๆ วันใดที่เราทำวิถีใหม่ๆเสื่อมถอยไป วันนั้นความทุกข์จะกลับมา!!! มันจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทำความเข้าใจว่า จิตใจใหม่ของคุณจะอยู่มั่นคงได้ก็ต่อเมื่อคุณต้องรักษาจิตนิสัยและตัวตนแบบใหม่ๆควบคู่ไปด้วยกัน มันมีหลายอย่างหลายสิ่งมากที่คุณไม่ควรจะกลับไปคลุกคลีแนวทาง วิถีชีวิตรูปแบบหนึ่งใดๆที่มันพร้อมจะชักจูงให้ภาวะจิตใจของคุณตกต่ำลง หรือกลับไปเป็นคนที่มีนิสัยหรือพฤติกรรมแบบเดิมๆบางอย่างที่ไม่ควรกลับไปมี มันมีหลายสิ่งหลายอย่างมาก ที่พร้อมจะแอบชักจูงดึงดูดคุณให้กลับไปเป็นอย่างเก่า อย่างไม่ทันรู้ตัว จงอย่าประมาทคิดว่า วิถีชีวิตและกิจวัตรประจำวันรวมถึงสภาพแวดล้อมผู้คนที่คลุกคลีนั้นไม่มีผล จงตั้งใจเรียนรู้เสียแต่วันนี้ ว่าอะไรบ้างที่นำพาจิตคุณไปสู่วังวนเก่าๆ เช่นการเป็นคนเอาแต่พึ่งพาสิ่งใด การเป็นคนอ่อนไหวเกินไปต่ออะไร การเหลวไหลเกินไปนำพาความอยู่ในพวังต่ออะไร ด้วยเพราะคนเรานั้นอาจหลงลืมไปหรือไม่ทันตระหนักว่า ในคืนวันที่ตนเองเข้มแข็งขึ้นได้มันมีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับวิถีประจำวันที่เหมาะสม ซึ่งสร้างเสริมนิสัยจิตใจที่เหมาะสม คอยเกื้อหนุน ให้จิตใจสามารถเอาชนะโรคซึมเศร้ามาได้ บางคนที่เคย ต้องพบเจอเรื่องสะเทือนใจมามากมาย แต่ทำใจไม่ได้ เพราะจิตใจไม่พร้อมที่จะปรับตัว ก็ค่อยๆปรับตัวได้ด้วยการคลุกคลีกับวิถีชีวิตบางอย่างที่สอนให้จิตใจเกิดทัศนคติใหม่ๆ แต่สุดท้ายเมื่อเริ่มรักษาตัวเองให้ทำใจได้ กำลังดีใจกับสภาพร่างกายจิตใจที่รักษาหาย กลับไปใช้ชีวิตปรกติร่าเริงในสังคมได้ แต่แล้วก็ มีสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตเก่าๆค่อยๆกลับมาซึมซับตัวเองอีก ชักจูงให้จิตเสื่อมค่าและพร้อมจะทุกข์กับปัญหาเก่าๆอีก คนเหล่านี้พลาดท่าให้กับสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตบางประการ เนื่องจากเพราะขาดความรู้ ว่าอะไรบ้างในสังคมที่สามารถชักนำความเสื่อมสภาพลงของจิตนิสัยใหม่ได้ อย่างเช่น บางคน เสียใจปวดร้าวกับเรื่องต่างๆ พยายามต่อสู้กับอาการซึมเศร้ามานับปี และพยายามรวบรวมจิตใจ ฝึกให้ตัวเองเข้มแข็ง มีวันเวลาที่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการก้าวเดินของตัวเอง มีสมาธิกับการควบคุมตัวเอง ช่วงเวลาที่ได้รักษาตัวเอง เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัวเลยว่า วิถีชีวิตในช่วงเวลาที่รักษาตัวอยู่นั้นได้เปลี่ยนไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยทั่วไปแล้ววิถีชีวิตในช่วงรักษาตัวที่ให้ผลทางการรักษาได้อย่างดีเยี่ยมนั้น จะมีบรรยากาศที่ค่อนข้างห่างไกลสิ่งรบกวน ออกห่างจากวิถีแบบเดิมๆที่เคย เป็นเคยทำ เคยเสพ เคยสัมผัส เคยคลุกคลีเป็นกิจวัตร แต่แล้วเมื่อรักษาตัวเองกลับมา หายดี ก็เริ่มกลับไปใช้ชีวิตปรกติแบบเดิมๆ แต่ขาดการคัดกรองว่าอะไรเป็นได้อะไรไม่ควรเป็น ซึ่งมักจะทำให้พลาดแตะต้องวิถีบางอย่างที่ไม่ควร ซึ่งทำให้ เกิดความยึดติด ต่อสิ่งเสื่อมถอย ก่อเกิดจิตนิสัยที่พร้อมจะเศร้ากับเรื่องอดีตได้อีกครั้ง เช่นว่า คุณเคยทุกข์ใจต่อการสูญเสียทรัพย์สมบัติ คุณอุส่าต์ฝึกใจให้เป็นคนใหม่ ที่รู้จักความใจกว้างและรู้จักปล่อยวาง แต่พอรักษาตนเองหายก็กลับไป คลุกคลีกับวิถีชีวิตที่ชักนำนิสัย มักมากต่อทรัพย์กลับมาอีก หรือบางคน เคยอกหักซึมเศร้าเสียใจ อุส่าต์ฝึกตนเองเป็นคนใหม่ มองสิ่งต่างๆด้วยสติไม่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มองสิ่งต่างๆเห็นสัจธรรมความเป็นจริง แต่พอรักษาหายกลับไปใช้ชีวิตในสังคม อย่างปล่อยตัว กลับไปถูกค่านิยมต่างๆ ซึมซับเข้ามาในจิตใจ กลายเป็นคนที่ โหยหา กลายเป็นคนที่ ไร้สติ กลายเป็นคนที่ขี้เหงา หรือแม้แต่บางคน ครุ่นคิดเปลี่ยนตัวเองได้ในตอนกลางคืนของวันหนึ่งในห้องที่มีสมาธิ พยามยามฝึกใจปลอบใจบอกใจตนเอง จนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่สว่างในหนทางใหม่ แต่แล้วพอเช้าวันรุ่งขึ้นกลับไปใช้ชีวิตรูปแบบเดิมๆกิจวัตรเดิมๆ จิตใจและอารมณ์ก็กลับเข้าสู่วังวนเดิม ควรทราบว่า คำว่าวิถีชีวิตนั้น คือสิ่งสำคัญ ที่จะบรรจุ อุดมคติของคุณให้กลายเป็นตัวคุณได้สำเร็จ วิถีชีวิตนั้น มันคือสิ่งที่ จะนำมาซึ่งส่วนประกอบรายละเอียดปลีกย่อยอย่างละเอียดมากมาย ค่อยๆซึมซับให้คุณเกิดความหยั่งรู้ได้ และผนึกเป็นตัวตนได้ ซึ่งสามารถส่งผลทางจิตใจนิสัยและอารมณ์ความรู้สึก รวมถึงเซ้นส์การมองเห็นได้ มันยากที่มนุษย์จะรวบรวมปัญญาบางอย่างในชั่วโมงเดียวหรือท่องเรื่องที่ละเอียดเรื่องที่ต้องใช้ภาษากลั่นออกมาเป็นแสนคำล้านคำ ความหยั่งรู้ของมนุษย์เท่านั้น ที่ทำงานได้เร็วกว่าการใคร่ครวญความคิดจากการใช้ภาษาในสมอง ความหยั่งรู้ของมนุษย์คือสิ่งอันน่าอัศจรรย์ รูปแบบหลายสิ่งหลายอย่างที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน มีหลายสิ่งที่มนุษย์ใช้ความหยั่งรู้มากกว่าการคิดในสมอง สามารถทำนั่นทำนี่ได้โดยไม่ต้องพูดขึ้นมาในความคิด และนั่นล่ะคือสิ่งที่คุณจะต้องสร้างมันให้ได้อย่างมั่นคง สร้างความเป็นคนใหม่ที่ผนึกขึ้นมาได้เป็นตัวคุณอย่างแท้จริง มีจิตนิสัยมีความหยั่งรู้ มีอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นคนใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งมันจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้อง พึ่งการจัดการวิถีชีวิตของตัวเอง คนในสังคมปัจจุบัน มักขาดความเข้าใจในข้อนี้ และมักจะพากันเสาะหาแต่ปัญญาความรู้ทางวิชาการ หรือเสาะหาแต่ความรู้จากคำคม คำสอนและปรัชญาต่างๆ แต่ขาดการ ปรับปรุงวิถีชีวิตตัวเอง ขาดการควบคุมวิถีชีวิต ซึ่งจะมาหล่อหลอมตนเอง ลองสังเกตุสิว่า มนุษย์โลกเราในแต่ละประเทศ นั้นจะมีบุคลิคความคิดอ่านที่ต่างกัน อันเนื่องมาจากอาศัยอยู่ในประเทศที่มีวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม รวมถึงค่านิยมทางวิถีชีวิตที่ต่างกัน นั่นคือสิ่งชัดเจนว่าวิถีชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ มีส่วน มีอิทธิพลอย่างยิ่งยวดต่อ การสร้างตัวตน คุณอยากหายจากโรคซึมเศร้า คุณต้องการสร้างตัวตนใหม่ คุณก็ต้องสร้างวิถีชีวิตใหม่ด้วยเท่านั้นมันจึงจะสำเร็จ จงจำเอาไว้ให้ดีว่า หากคนเราจะเอาชนะปัญหาความทุกข์ใจต่างๆได้นั้น นั่นหมายถึงเราต้องเปลี่ยนจิตนิสัย เปลี่ยนทัศนคติเป็นคนใหม่ และนั่นหมายความว่า วิถีชีวิตของเราต้องเป็นรูปแบบใหม่ด้วย และที่สำคัญ สิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันมีผลรบกวนหรือชักจูงจิตใจได้ตามสภาพแวดล้อมต่างๆ ดังนั้นจงตระหนักในข้อนี้และระมัดระวังจัดการกับเรื่องนี้ให้ดีด้วย จงจำเอาไว้ว่า ที่คุณรักษาตัวเองให้หายได้นั่นก็เพราะตัวเราเป็นคนใหม่ มิใช่ว่าพอรักษาตัวเองหายก็กลับเอาตัวเองเข้าสู่กระแสสังคม ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไปตามแต่ที่จะมีอะไรมากระทบให้ตัวเองเปลี่ยนไป ต้องจำด้วยว่า เมื่อคุณกลับไปซึมซับกับอะไรก็ตามที่มันจะส่งเสริมให้คุณกลายเป็นคน ที่มีจิตนิสัยบางเรื่องที่ไม่เหมาะสม นั่นก็หมายถึงว่า คุณจะกลับกลายเป็นกลับมารับความทุกข์ใจในบางเรื่องได้ และเมื่อวันใดที่คุณสู้อุส่าต์ สามารถนำพาชีวิตจิตใจให้อยู่ในจุดสว่างเข้มแข็งได้แล้ว คุณก็ต้องรักษารูปแบบชีวิตจิตใจเหล่านั้นไว้อย่างถนอมไม่ปล่อยปละละเลย จงหมั่นทบทวนคลุกคลีอยู่เสมอ ให้เหมือนกับวัฒนธรรมของ คนญี่ปุ่นมากมายที่เข้าใจความสำคัญของวิถีชีวิต มาตั้งแต่รุ่น นักรบหรือซามูไรญี่ปุ่น ที่มักจะใช้เวลา นั่งฝึกจิตให้แน่วแน่ระลึกถึงวิถีเส้นทางแห่งตนอยู่เสมอ นั่งสมาธิระลึกตรวจสอบค้นหาสิ่งแปลกปลอม สังเกตุตัวเองในแต่ละวัน ใช้สติขัดเกลาตน การสละเวลาทำในขั้นตอนนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะทำให้ คุณมีดวงจิตที่มีค่าสุกสว่างยืนนาน มนุษย์เราหากต้องการพัฒนาตนเองนั้น การเรียนรู้ค้นหาวิชาความรู้นั่นคือขั้นแรก จากนั้น เมื่อรู้แล้วจะต้องนำไปปฏิบัติฝึกฝน เรื่องใดที่จำเป็นต้องใช้การบำเพ็ญตนหล่อหลอม ซึมซับ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใด แต่นั้นก็คือสิ่งที่ต้องทำ เพราะกระบวนการทั้งหมดนี้ต้อง เกิดความครบและสมบรูณ์ เมื่อคุณทำได้ดีเท่าใด คุณก็จะพบหนทางแห่งจิตใจที่มีพลังได้มากเท่านั้น แต่หากคุณกลับเอาตนเองไปสู่วิถีที่มืดเสื่อม หรือวิถีที่ปล่อยปละละเลยอีก นั่นก็หมายถึงว่า คุณมีโอกาสที่จะกลับไปเวียนว่ายในวิถีแห่งสิ่งชักจูงเปลี่ยนแปลงนิสัย ที่พร้อมจะทุกข์อีกต่อเรื่องเดิมๆ 2 Comments เบญจลักษณ์ ชื่นเจริญ June 11, 2016 @ 12:26 pm # กำลังสับสนในตัวเองอยุ่พอดี เวลาเจอสิ่งของหรือคนหรือเหตุการณ์ที่เคยปรากฏอยุ่ในอดีตอันเลวร้ายของเรา บางครั้งมันก็เหมือนจะไม่รุ้สึกอะำร แต่บางครั้งพอมันรุ้สึก มันจะกลับผุดขึ้นมาเป็นระยะ จนบางครั้งก็จะกลีบไปวนเวียนกะบสิ่งนั้น ทั้งที่ไม่ได้อยากนึกถึงอีกเลย มัน้ป็นไปเอง และจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวต่อสิ่งที่กระทบความรุ้สึกได้ง่ายๆ เหมือนแสดงความอ่อนแออกมาตลอดเวลา บางครั้งก็ฌหยหาที่พึ่ง รนที่เคยช่วยเหลือใาอดีต แต่ตอนนี้ไม่เหลือใคร มันไม่อยากเป็น ก่อนหน้านี้ เคยรุ้สึกสูญเสียจสกการโดนแย่งของที่รักไปหรือไม่ก็สิ่งที่เราหวังไว้มากๆดันพังทลายแบบไม่ตั้งตัวมาก่อน เหมือนจะดีขึ้นมาปีหนึ่ง แต่อยุ่ก็จะวนกลับมาป็นิก ทั้งที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นแล้วแท้ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะ เราไม่มีทางออกให้กับปัญหา ก็ไม่ แต่เอาเปนว่า ต้องขอบคุณ บทความนี้นะคะ อย่างน้อยให้ได้อ่านวนไป ครุ่นคิดไป คลายสิ่งที่ผุดในใจมาเป็นระลอกได้บ้าง ขอบคุณค่ะ Reply admin December 22, 2016 @ 3:41 pm # ภาวะจิตใจที่ปล่อยวางผ่อนคลายได้เป็นระลอก ถ้าทำได้บ่อยๆย่อมมีผลในทางบวกครับ Reply Leave a Comment Cancel reply Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).Comment*Your Name* Your Email* Your URL
กำลังสับสนในตัวเองอยุ่พอดี
เวลาเจอสิ่งของหรือคนหรือเหตุการณ์ที่เคยปรากฏอยุ่ในอดีตอันเลวร้ายของเรา บางครั้งมันก็เหมือนจะไม่รุ้สึกอะำร แต่บางครั้งพอมันรุ้สึก มันจะกลับผุดขึ้นมาเป็นระยะ จนบางครั้งก็จะกลีบไปวนเวียนกะบสิ่งนั้น ทั้งที่ไม่ได้อยากนึกถึงอีกเลย มัน้ป็นไปเอง
และจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวต่อสิ่งที่กระทบความรุ้สึกได้ง่ายๆ เหมือนแสดงความอ่อนแออกมาตลอดเวลา บางครั้งก็ฌหยหาที่พึ่ง รนที่เคยช่วยเหลือใาอดีต แต่ตอนนี้ไม่เหลือใคร
มันไม่อยากเป็น ก่อนหน้านี้ เคยรุ้สึกสูญเสียจสกการโดนแย่งของที่รักไปหรือไม่ก็สิ่งที่เราหวังไว้มากๆดันพังทลายแบบไม่ตั้งตัวมาก่อน เหมือนจะดีขึ้นมาปีหนึ่ง แต่อยุ่ก็จะวนกลับมาป็นิก ทั้งที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นแล้วแท้ๆ
หรืออาจจะเป็นเพราะ เราไม่มีทางออกให้กับปัญหา ก็ไม่
แต่เอาเปนว่า ต้องขอบคุณ บทความนี้นะคะ อย่างน้อยให้ได้อ่านวนไป ครุ่นคิดไป คลายสิ่งที่ผุดในใจมาเป็นระลอกได้บ้าง
ขอบคุณค่ะ
ภาวะจิตใจที่ปล่อยวางผ่อนคลายได้เป็นระลอก ถ้าทำได้บ่อยๆย่อมมีผลในทางบวกครับ