จิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น

Tagged: , , ,

จิตใจไม่มั่นคงเพราะวิถีชีวิตไม่ยึดมั่น

เคยสงสัยและถามตัวเองไหมว่า ในวันที่ฉันซึมเศร้า บางครั้งฉันอยู่คุยกับตัวเอง คิดต่างๆนาๆ จน วันนึงโชคดี เกิดความคิดแนวทางใหม่ เกิดแรงตั้งใจใหม่ให้กับชีวิต รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำใจได้ และเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ใช่คนที่จมเจ่าในความทุกข์อีก  ความคิดเหล่านั้นซึมซาบในความรู้สึกในอารมณ์  ทำให้จิตใจมีพลังและสุขล้น

กลุ้ม-7

แต่แล้ว เพียงผ่านไปไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน หรือแม้แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
กลับมาซึมเศร้าอีกแล้ว?

สำหรับลักษณะอาการแบบนี้นั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆที่ร่วมเกี่ยวข้อง
ซึ่งในบทอื่นๆเราได้กล่าวถึงปัจจัยประกอบต่างๆ

แต่สำหรับบทนี้เรา จะมาทำความเข้าใจกับสาเหตุสำคัญใหญ่ๆ อีกสาเหตุหนึ่งนั่นก็คือ
“การไม่ ยึดมั่นในวิถีชีวิต”

กลุ้ม-4

บางครั้งเราอาจไม่รู้เท่าทัน ว่าชีวิตที่หายจากความทุกข์เศร้า  ชีวิตที่ลุกขึ้นยืนได้ และมีแรงใจประดุจดั่งความรู้สึกแห่งการเกิดใหม่   ชีวิตแบบนี้นั้นเกิดขึ้นได้จากครรลองใหม่ ที่เราควรจะต้องรักษา และหล่อเลี้ยงตลอดไป

วันใดที่เรากลับไปคลุกคลีครรลองแบบเก่าๆ
วันใดที่เราทำวิถีใหม่ๆเสื่อมถอยไป
วันนั้นความทุกข์จะกลับมา!!!

มันจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทำความเข้าใจว่า  จิตใจใหม่ของคุณจะอยู่มั่นคงได้ก็ต่อเมื่อคุณต้องรักษาจิตนิสัยและตัวตนแบบใหม่ๆควบคู่ไปด้วยกัน

มันมีหลายอย่างหลายสิ่งมากที่คุณไม่ควรจะกลับไปคลุกคลีแนวทาง วิถีชีวิตรูปแบบหนึ่งใดๆที่มันพร้อมจะชักจูงให้ภาวะจิตใจของคุณตกต่ำลง
หรือกลับไปเป็นคนที่มีนิสัยหรือพฤติกรรมแบบเดิมๆบางอย่างที่ไม่ควรกลับไปมี
มันมีหลายสิ่งหลายอย่างมาก ที่พร้อมจะแอบชักจูงดึงดูดคุณให้กลับไปเป็นอย่างเก่า อย่างไม่ทันรู้ตัว จงอย่าประมาทคิดว่า วิถีชีวิตและกิจวัตรประจำวันรวมถึงสภาพแวดล้อมผู้คนที่คลุกคลีนั้นไม่มีผล

จงตั้งใจเรียนรู้เสียแต่วันนี้ ว่าอะไรบ้างที่นำพาจิตคุณไปสู่วังวนเก่าๆ เช่นการเป็นคนเอาแต่พึ่งพาสิ่งใด การเป็นคนอ่อนไหวเกินไปต่ออะไร การเหลวไหลเกินไปนำพาความอยู่ในพวังต่ออะไร

กลุ้ม1-2

ด้วยเพราะคนเรานั้นอาจหลงลืมไปหรือไม่ทันตระหนักว่า   ในคืนวันที่ตนเองเข้มแข็งขึ้นได้มันมีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับวิถีประจำวันที่เหมาะสม ซึ่งสร้างเสริมนิสัยจิตใจที่เหมาะสม คอยเกื้อหนุน ให้จิตใจสามารถเอาชนะโรคซึมเศร้ามาได้

บางคนที่เคย ต้องพบเจอเรื่องสะเทือนใจมามากมาย แต่ทำใจไม่ได้ เพราะจิตใจไม่พร้อมที่จะปรับตัว ก็ค่อยๆปรับตัวได้ด้วยการคลุกคลีกับวิถีชีวิตบางอย่างที่สอนให้จิตใจเกิดทัศนคติใหม่ๆ

แต่สุดท้ายเมื่อเริ่มรักษาตัวเองให้ทำใจได้  กำลังดีใจกับสภาพร่างกายจิตใจที่รักษาหาย กลับไปใช้ชีวิตปรกติร่าเริงในสังคมได้
แต่แล้วก็ มีสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตเก่าๆค่อยๆกลับมาซึมซับตัวเองอีก ชักจูงให้จิตเสื่อมค่าและพร้อมจะทุกข์กับปัญหาเก่าๆอีก

กลุ้ม3

คนเหล่านี้พลาดท่าให้กับสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตบางประการ เนื่องจากเพราะขาดความรู้ ว่าอะไรบ้างในสังคมที่สามารถชักนำความเสื่อมสภาพลงของจิตนิสัยใหม่ได้

อย่างเช่น
บางคน เสียใจปวดร้าวกับเรื่องต่างๆ พยายามต่อสู้กับอาการซึมเศร้ามานับปี  และพยายามรวบรวมจิตใจ ฝึกให้ตัวเองเข้มแข็ง มีวันเวลาที่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการก้าวเดินของตัวเอง มีสมาธิกับการควบคุมตัวเอง

ช่วงเวลาที่ได้รักษาตัวเอง เจ้าตัวไม่ทันรู้ตัวเลยว่า วิถีชีวิตในช่วงเวลาที่รักษาตัวอยู่นั้นได้เปลี่ยนไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
โดยทั่วไปแล้ววิถีชีวิตในช่วงรักษาตัวที่ให้ผลทางการรักษาได้อย่างดีเยี่ยมนั้น จะมีบรรยากาศที่ค่อนข้างห่างไกลสิ่งรบกวน
ออกห่างจากวิถีแบบเดิมๆที่เคย เป็นเคยทำ เคยเสพ เคยสัมผัส เคยคลุกคลีเป็นกิจวัตร

แต่แล้วเมื่อรักษาตัวเองกลับมา หายดี ก็เริ่มกลับไปใช้ชีวิตปรกติแบบเดิมๆ แต่ขาดการคัดกรองว่าอะไรเป็นได้อะไรไม่ควรเป็น  ซึ่งมักจะทำให้พลาดแตะต้องวิถีบางอย่างที่ไม่ควร ซึ่งทำให้ เกิดความยึดติด ต่อสิ่งเสื่อมถอย
ก่อเกิดจิตนิสัยที่พร้อมจะเศร้ากับเรื่องอดีตได้อีกครั้ง

กลุ้ม1

เช่นว่า คุณเคยทุกข์ใจต่อการสูญเสียทรัพย์สมบัติ คุณอุส่าต์ฝึกใจให้เป็นคนใหม่ ที่รู้จักความใจกว้างและรู้จักปล่อยวาง
แต่พอรักษาตนเองหายก็กลับไป คลุกคลีกับวิถีชีวิตที่ชักนำนิสัย มักมากต่อทรัพย์กลับมาอีก

หรือบางคน เคยอกหักซึมเศร้าเสียใจ อุส่าต์ฝึกตนเองเป็นคนใหม่ มองสิ่งต่างๆด้วยสติไม่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
มองสิ่งต่างๆเห็นสัจธรรมความเป็นจริง  แต่พอรักษาหายกลับไปใช้ชีวิตในสังคม อย่างปล่อยตัว
กลับไปถูกค่านิยมต่างๆ ซึมซับเข้ามาในจิตใจ กลายเป็นคนที่ โหยหา กลายเป็นคนที่ ไร้สติ กลายเป็นคนที่ขี้เหงา

หรือแม้แต่บางคน ครุ่นคิดเปลี่ยนตัวเองได้ในตอนกลางคืนของวันหนึ่งในห้องที่มีสมาธิ  พยามยามฝึกใจปลอบใจบอกใจตนเอง จนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่สว่างในหนทางใหม่  แต่แล้วพอเช้าวันรุ่งขึ้นกลับไปใช้ชีวิตรูปแบบเดิมๆกิจวัตรเดิมๆ
จิตใจและอารมณ์ก็กลับเข้าสู่วังวนเดิม

ควรทราบว่า คำว่าวิถีชีวิตนั้น คือสิ่งสำคัญ ที่จะบรรจุ อุดมคติของคุณให้กลายเป็นตัวคุณได้สำเร็จ
วิถีชีวิตนั้น มันคือสิ่งที่ จะนำมาซึ่งส่วนประกอบรายละเอียดปลีกย่อยอย่างละเอียดมากมาย ค่อยๆซึมซับให้คุณเกิดความหยั่งรู้ได้ และผนึกเป็นตัวตนได้  ซึ่งสามารถส่งผลทางจิตใจนิสัยและอารมณ์ความรู้สึก รวมถึงเซ้นส์การมองเห็นได้

มันยากที่มนุษย์จะรวบรวมปัญญาบางอย่างในชั่วโมงเดียวหรือท่องเรื่องที่ละเอียดเรื่องที่ต้องใช้ภาษากลั่นออกมาเป็นแสนคำล้านคำ

ความหยั่งรู้ของมนุษย์เท่านั้น ที่ทำงานได้เร็วกว่าการใคร่ครวญความคิดจากการใช้ภาษาในสมอง

ความหยั่งรู้ของมนุษย์คือสิ่งอันน่าอัศจรรย์ รูปแบบหลายสิ่งหลายอย่างที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน
มีหลายสิ่งที่มนุษย์ใช้ความหยั่งรู้มากกว่าการคิดในสมอง
สามารถทำนั่นทำนี่ได้โดยไม่ต้องพูดขึ้นมาในความคิด

และนั่นล่ะคือสิ่งที่คุณจะต้องสร้างมันให้ได้อย่างมั่นคง   สร้างความเป็นคนใหม่ที่ผนึกขึ้นมาได้เป็นตัวคุณอย่างแท้จริง
มีจิตนิสัยมีความหยั่งรู้ มีอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นคนใหม่อย่างแท้จริง

ซึ่งมันจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้อง พึ่งการจัดการวิถีชีวิตของตัวเอง

กลุ้ม1-6

คนในสังคมปัจจุบัน มักขาดความเข้าใจในข้อนี้  และมักจะพากันเสาะหาแต่ปัญญาความรู้ทางวิชาการ  หรือเสาะหาแต่ความรู้จากคำคม คำสอนและปรัชญาต่างๆ  แต่ขาดการ ปรับปรุงวิถีชีวิตตัวเอง ขาดการควบคุมวิถีชีวิต ซึ่งจะมาหล่อหลอมตนเอง

ลองสังเกตุสิว่า มนุษย์โลกเราในแต่ละประเทศ นั้นจะมีบุคลิคความคิดอ่านที่ต่างกัน อันเนื่องมาจากอาศัยอยู่ในประเทศที่มีวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม รวมถึงค่านิยมทางวิถีชีวิตที่ต่างกัน

นั่นคือสิ่งชัดเจนว่าวิถีชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ มีส่วน มีอิทธิพลอย่างยิ่งยวดต่อ การสร้างตัวตน

คุณอยากหายจากโรคซึมเศร้า คุณต้องการสร้างตัวตนใหม่ คุณก็ต้องสร้างวิถีชีวิตใหม่ด้วยเท่านั้นมันจึงจะสำเร็จ

จงจำเอาไว้ให้ดีว่า   หากคนเราจะเอาชนะปัญหาความทุกข์ใจต่างๆได้นั้น  นั่นหมายถึงเราต้องเปลี่ยนจิตนิสัย เปลี่ยนทัศนคติเป็นคนใหม่ และนั่นหมายความว่า วิถีชีวิตของเราต้องเป็นรูปแบบใหม่ด้วย
และที่สำคัญ สิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง  เพราะมันมีผลรบกวนหรือชักจูงจิตใจได้ตามสภาพแวดล้อมต่างๆ

ดังนั้นจงตระหนักในข้อนี้และระมัดระวังจัดการกับเรื่องนี้ให้ดีด้วย

จงจำเอาไว้ว่า ที่คุณรักษาตัวเองให้หายได้นั่นก็เพราะตัวเราเป็นคนใหม่
มิใช่ว่าพอรักษาตัวเองหายก็กลับเอาตัวเองเข้าสู่กระแสสังคม  ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไปตามแต่ที่จะมีอะไรมากระทบให้ตัวเองเปลี่ยนไป
ต้องจำด้วยว่า เมื่อคุณกลับไปซึมซับกับอะไรก็ตามที่มันจะส่งเสริมให้คุณกลายเป็นคน ที่มีจิตนิสัยบางเรื่องที่ไม่เหมาะสม
นั่นก็หมายถึงว่า คุณจะกลับกลายเป็นกลับมารับความทุกข์ใจในบางเรื่องได้

กลุ้ม1-5

และเมื่อวันใดที่คุณสู้อุส่าต์ สามารถนำพาชีวิตจิตใจให้อยู่ในจุดสว่างเข้มแข็งได้แล้ว คุณก็ต้องรักษารูปแบบชีวิตจิตใจเหล่านั้นไว้อย่างถนอมไม่ปล่อยปละละเลย  จงหมั่นทบทวนคลุกคลีอยู่เสมอ  ให้เหมือนกับวัฒนธรรมของ คนญี่ปุ่นมากมายที่เข้าใจความสำคัญของวิถีชีวิต มาตั้งแต่รุ่น นักรบหรือซามูไรญี่ปุ่น ที่มักจะใช้เวลา นั่งฝึกจิตให้แน่วแน่ระลึกถึงวิถีเส้นทางแห่งตนอยู่เสมอ   นั่งสมาธิระลึกตรวจสอบค้นหาสิ่งแปลกปลอม  สังเกตุตัวเองในแต่ละวัน ใช้สติขัดเกลาตน
การสละเวลาทำในขั้นตอนนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะทำให้ คุณมีดวงจิตที่มีค่าสุกสว่างยืนนาน

มนุษย์เราหากต้องการพัฒนาตนเองนั้น การเรียนรู้ค้นหาวิชาความรู้นั่นคือขั้นแรก
จากนั้น เมื่อรู้แล้วจะต้องนำไปปฏิบัติฝึกฝน
เรื่องใดที่จำเป็นต้องใช้การบำเพ็ญตนหล่อหลอม ซึมซับ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าใด แต่นั้นก็คือสิ่งที่ต้องทำ
เพราะกระบวนการทั้งหมดนี้ต้อง เกิดความครบและสมบรูณ์

เมื่อคุณทำได้ดีเท่าใด คุณก็จะพบหนทางแห่งจิตใจที่มีพลังได้มากเท่านั้น

life-4

แต่หากคุณกลับเอาตนเองไปสู่วิถีที่มืดเสื่อม หรือวิถีที่ปล่อยปละละเลยอีก นั่นก็หมายถึงว่า คุณมีโอกาสที่จะกลับไปเวียนว่ายในวิถีแห่งสิ่งชักจูงเปลี่ยนแปลงนิสัย ที่พร้อมจะทุกข์อีกต่อเรื่องเดิมๆ

2 Comments

  1. เบญจลักษณ์ ชื่นเจริญ

    กำลังสับสนในตัวเองอยุ่พอดี
    เวลาเจอสิ่งของหรือคนหรือเหตุการณ์ที่เคยปรากฏอยุ่ในอดีตอันเลวร้ายของเรา บางครั้งมันก็เหมือนจะไม่รุ้สึกอะำร แต่บางครั้งพอมันรุ้สึก มันจะกลับผุดขึ้นมาเป็นระยะ จนบางครั้งก็จะกลีบไปวนเวียนกะบสิ่งนั้น ทั้งที่ไม่ได้อยากนึกถึงอีกเลย มัน้ป็นไปเอง

    และจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวต่อสิ่งที่กระทบความรุ้สึกได้ง่ายๆ เหมือนแสดงความอ่อนแออกมาตลอดเวลา บางครั้งก็ฌหยหาที่พึ่ง รนที่เคยช่วยเหลือใาอดีต แต่ตอนนี้ไม่เหลือใคร

    มันไม่อยากเป็น ก่อนหน้านี้ เคยรุ้สึกสูญเสียจสกการโดนแย่งของที่รักไปหรือไม่ก็สิ่งที่เราหวังไว้มากๆดันพังทลายแบบไม่ตั้งตัวมาก่อน เหมือนจะดีขึ้นมาปีหนึ่ง แต่อยุ่ก็จะวนกลับมาป็นิก ทั้งที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นแล้วแท้ๆ

    หรืออาจจะเป็นเพราะ เราไม่มีทางออกให้กับปัญหา ก็ไม่

    แต่เอาเปนว่า ต้องขอบคุณ บทความนี้นะคะ อย่างน้อยให้ได้อ่านวนไป ครุ่นคิดไป คลายสิ่งที่ผุดในใจมาเป็นระลอกได้บ้าง

    ขอบคุณค่ะ

    Reply

    • admin

      ภาวะจิตใจที่ปล่อยวางผ่อนคลายได้เป็นระลอก ถ้าทำได้บ่อยๆย่อมมีผลในทางบวกครับ

      Reply

Leave a Reply to เบญจลักษณ์ ชื่นเจริญ Cancel reply

Your email address will never be published or shared and required fields are marked with an asterisk (*).